โจทก์ ฟ้อง ว่า โจทก์ เป็น ผู้จัดการมรดก ของ นาย วิรัตน์ อินทรสูต จำเลย ทั้ง สอง อยู่กิน ฉัน สามี ภริยา กัน และ เป็น หุ้นส่วน ใน การ ดำเนินกิจการ จัดสรร ที่ดิน เมื่อ วันที่ 2 กันยายน 2528 จำเลย ทั้ง สองได้ ร่วมกัน ทำ สัญญาจะขาย ที่ดิน โฉนด เลขที่ 23215 เนื้อที่ 70.1ตารางวา ตำบล หนองปลิง อำเภอ เมือง นครสวรรค์ จังหวัด นครสวรรค์ ให้ แก่ นาย วิรัตน์ เป็น เงิน 34,550 บาท ใน วัน ทำ สัญญา นาย วิรัตน์ ได้ วางเงิน มัดจำ จำนวน 3,400 บาท ส่วน ที่ เหลือ นาย วิรัตน์ จะ ผ่อน ชำระ ให้ จำเลย ทั้ง สอง เป็น รายเดือน เดือน ละ 500 บาท ภายใน วันที่10 ของ ทุกเดือน นาย วิรัตน์ ผ่อนชำระ ค่างวด ให้ แก่ จำเลย ทั้ง สอง ได้ จำนวน 59 งวด ก็ ถึงแก่ความตาย โจทก์ ใน ฐานะ ทายาท ได้ ผ่อนชำระส่วน ที่ เหลือ จน ครบ แต่ จำเลย ที่ 1 ไม่ยอม จดทะเบียน โอน ที่ดิน ดังกล่าวให้ แก่ ทายาท ของ นาย วิรัตน์ โจทก์ ได้ มอบ ให้ ทนายความ มี หนังสือ บอกกล่าว ทวงถาม จำเลย ที่ 1 แล้ว ขอให้ บังคับ จำเลย ที่ 1 จดทะเบียนโอน กรรมสิทธิ์ ที่ดิน แปลง พิพาท ให้ แก่ โจทก์ หาก จำเลย ที่ 1ไม่ ดำเนินการ ขอให้ จำเลย ทั้ง สอง ร่วมกัน หรือ แทน กัน ชำระ ราคา ที่ดินที่นาย วิรัตน์ ได้ ชำระ ไป พร้อม ดอกเบี้ย ร้อยละ เจ็ด ครึ่ง ต่อ ปี นับแต่ วัน ครบ กำหนด ใน สัญญา จนกว่า จะ ชำระ เสร็จ
จำเลย ที่ 1 ให้การ ว่า จำเลย ที่ 1 เคย จ้าง ให้ จำเลย ที่ 2เป็น เสมียน บัญชี กิจการ ค้าขาย ที่ดิน ระหว่าง ปี 2524-2530 เท่านั้นจำเลย ที่ 1 ไม่ได้ ทำ สัญญาจะขาย ที่ดิน ตาม ฟ้อง ให้ แก่ นาย วิรัตน์ อินทรสูต และ ไม่เคย ได้รับ เงิน ค่าที่ดิน ดังกล่าว จำเลย ที่ 2เป็น ผู้ลงลายมือชื่อ จำเลย ที่ 1 ใน สัญญาซื้อขาย โดย มิได้ รับ ความยินยอม และ เป็น ผู้รับเงิน ไป โดย มิได้ นำ มา มอบ ให้ แก่ จำเลย ที่ 1จำเลย ที่ 1 ไม่เคย ได้รับ คำบอกกล่าว ให้ โอน ที่ดิน มา ก่อน ที่ดินพิพาทมี ราคา 70,100 บาท ขอให้ ยกฟ้อง
จำเลย ที่ 2 ให้การ ว่า จำเลย ที่ 2 ไม่ได้ เป็น หุ้นส่วน กับจำเลย ที่ 1 เพียงแต่ ได้รับ มอบหมาย จาก จำเลย ที่ 1 ให้ ทำ หน้าที่เก็บ เงิน จาก ผู้ที่ ซื้อ ที่ดิน จัดสรร จาก จำเลย ที่ 1 และ ออกใบเสร็จรับเงิน ให้ จำเลย ที่ 2 นำ เงิน ไป มอบ ให้ แก่ จำเลย ที่ 1จน ครบถ้วน แล้ว ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษา ให้ จำเลย ที่ 1 จดทะเบียน โอน ที่ดิน โฉนดเลขที่ 23215 ตำบล หนองปลิง อำเภอ เมือง นครสวรรค์ จังหวัด นครสวรรค์ ให้ แก่ โจทก์ หาก จำเลย ที่ 1 ไม่ปฏิบัติ ตาม ให้ จำเลย ที่ 1 ชำระ ราคาที่ดิน จำนวน 34,550 บาท ให้ แก่ โจทก์ พร้อม ดอกเบี้ย อัตรา ร้อยละเจ็ด ครึ่ง ต่อ ปี นับแต่ วันที่ 8 สิงหาคม 2534 เป็นต้น ไป จนกว่า จะชำระ เสร็จ
จำเลย ที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษาแก้ เป็น ว่า หาก จำเลย ที่ 1 ไม่ปฏิบัติตาม ให้ จำเลย ที่ 1 ชำระ ราคา ที่ดิน จำนวน 70,100 บาท นอกจาก ที่ แก้ให้ เป็น ไป ตาม คำพิพากษา ศาลชั้นต้น
จำเลย ที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า "คดี นี้ ราคา ทรัพย์สิน ที่พิพาท กัน ใน ชั้นฎีกาไม่เกิน สอง แสน บาท ต้องห้าม มิให้ คู่ความ ฎีกา ใน ข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง จำเลย ที่ 1ฎีกา ข้อ แรก ว่า สัญญาซื้อขาย ที่ดินพิพาท หมาย จ. 3 มี รายการ แสดง ว่าได้ มี การ ชำระ เงิน จำนวน 3,400 บาท จึง เป็น ใบ รับ ตาม บัญชี อัตราอากรแสตมป์ ท้าย หมวด 6 แห่ง ประมวลรัษฎากร ข้อ 28 ต้อง ปิดอากรแสตมป์เสีย ก่อน จึง จะ รับฟัง เป็น พยานหลักฐาน ได้ เห็นว่า โจทก์ อ้างสัญญาซื้อขาย ที่ดินพิพาท หมาย จ. 3 เป็น พยาน เพื่อ แสดง ข้อเท็จจริงต่อ ศาล ว่า ได้ มี การ ทำ สัญญาจะซื้อจะขาย ที่ดินพิพาท ระหว่างนาย วิรัตน์ กับ จำเลย ที่ 1 ไม่ได้ อ้าง เพื่อ แสดง ข้อเท็จจริง ว่า เป็น ใบ รับ จึง ไม่ต้อง ปิดอากรแสตมป์ ตาม บัญชี อัตรา อากรแสตมป์ ท้าย หมวด 6แห่ง ประมวลรัษฎากร ข้อ 28 และ ไม่ต้องห้าม ไม่ให้ รับฟัง เป็นพยานหลักฐาน ตาม ประมวลรัษฎากร มาตรา 118 ฎีกา จำเลย ที่ 1 ข้อ นี้ฟังไม่ขึ้น จำเลย ที่ 1 ฎีกา อีก ข้อ หนึ่ง ว่า ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษาแก้ ให้ จำเลย ที่ 1 ชำระ เงิน 70,100 บาท มิใช่ แก้ ข้อผิดพลาด เล็กน้อยและ เป็น การ พิพากษา เกินคำขอ เห็นว่า โจทก์ บรรยายฟ้อง ว่า จำเลย ทั้ง สองทำ สัญญาจะขาย ที่ดินพิพาท ให้ แก่ นาย วิรัตน์ เป็น เงิน 34,550 บาท นาย วิรัตน์ ผ่อนชำระ ค่างวด ให้ แก่ จำเลย ทั้ง สอง ได้ 59 งวด ก็ ถึงแก่ความตาย โจทก์ ใน ฐานะ ทายาท ได้ ผ่อนชำระ ส่วน ที่ เหลือ จน ครบแต่ จำเลย ที่ 1 ไม่ยอม จดทะเบียน โอน ที่ดินพิพาท ให้ แก่ ทายาท ของนาย วิรัตน์ ขอให้ บังคับ จำเลย ที่ 1 จดทะเบียน โอน ที่ดินพิพาท ให้ โจทก์ หาก ไม่ ดำเนินการ ขอให้ จำเลย ทั้ง สอง ร่วมกัน หรือ แทน กันชำระ ราคา ที่ดิน ที่นาย วิรัตน์ ได้ ชำระ ไป พร้อม ดอกเบี้ย ฉะนั้น คำขอ ของ โจทก์ คือ ถ้า โอน ที่ดิน ไม่ได้ ก็ ขอ เงิน ที่ ชำระ ไป คืน โจทก์ มิได้ขอให้ จำเลย ชำระ ราคา ที่ดิน ใน ขณะ ฟ้อง การ ที่ ศาลอุทธรณ์ ภาค 2พิพากษา ให้ จำเลย ที่ 1 ชำระ ราคา ที่ดิน จำนวน 70,000 บาท จึง เป็นการ พิพากษา เกินคำขอ อันเป็น ปัญหา เกี่ยว ด้วย ความสงบ เรียบร้อย ของประชาชน จำเลย ที่ 1 จึง มีสิทธิ ฎีกา และ ศาลฎีกา มีอำนาจ วินิจฉัย ให้ฎีกา จำเลย ที่ 1 ข้อ นี้ ฟังขึ้น "
พิพากษาแก้ เป็น ว่า ให้ บังคับคดี ไป ตาม คำพิพากษา ศาลชั้นต้นนอกจาก ที่ แก้ ให้ เป็น ไป ตาม คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ ภาค 2