ได้ความว่า โจทก์ได้เอาเอารถยนต์ประกันภัยไว้กับจำเลย โดยจำเลยตกลงว่าหากเกิดอัคคีภัยขึ้นแก่รถยนต์คันนั้น จำเลยจะใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ ๓๐,๐๐๐ บาท ระหว่างอายุสัญญา ไฟไหม้รถยนต์ เสียหายหมดทั้งคัน
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลทั้งสอง ให้จำเลยให้ค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน ๓๐,๐๐๐ บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ย ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ตั้งแต่วันฟ้องจนกว่า จะใช้เงินเสร็จ ให้โจทก์
ข้อกฎหมายที่จำเลยฎีกาคัดค้านว่า ในสัญญาได้ระบุเงื่อนไขพิเศษไว้ว่า ข้อพิพาทระหว่างโจทก์ จำเลยจะต้องมอบให้อนุญาโตตุลาการ ชี้ขาด เสียก่อนที่จะดำเนินคดีฟ้องร้อง และถ้าไม่มีการเสนอให้ อนุญาโตตุลาการชี้ขาดตัดสินภายใน ๑๒ เดือนแล้ว สิทธิเรียกร้องระหว่างโจทก์จำเลยให้ถือว่า สละเสียแล้ว โดยไม่มีเงื่อนข้อแม้ใด ๆ ทั้งสิ้น และจะนำมาเรียกร้องกับจำเลยอีกในภายหลังไม่ได้ นั้นศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อมีหนี้ จะต้องรับผิดเกิดขึ้นแล้ว คู่กรณีย่อมมีสิทธินำคดีมาฟ้องศาลได้ การตกลงตัดสิทธิไม่ให้คดีมาสู่ศาลย่อมเป็นโมฆะ ข้อตกลงดังว่านี้ย่อมไม่มีผล ส่วนการตกลงเรื่องอนุญาโตตุลากรกันไว้กันเช่นคดีนั้น มีผลประการใด ก็ย่อมแล้วแต่ว่า เป็นการตัดสิทธิมิให้นำคดีมาฟ้องหรือไม่ หากมีทางทีหวังว่า คดีอาจเสร็จไปได้โดยทางอนุญาโตตุลาการ ก็เพียงเป็นเหตุขอให้งดการพิจารณาคดีนี้ไว้ก่อน อย่างไรก็ดี ในคดีนี้ จำเลยเองก็ไม่ได้ดำเนินการขอให้มีการตั้งอนุญาโตตุลาการประการใด ข้อตัดฟ้องข้อนี้ ของจำเลยฟังไม่ขึ้น