โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 5 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยที่ 3 ให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา จำเลยที่ 2 ในฐานะส่วนตัวและในฐานะกรรมการของจำเลยที่ 1 หลบหนี ศาลชั้นต้นออกหมายจับและจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 2 ในฐานะส่วนตัวและในฐานะกรรมการของจำเลยที่ 1 ชั่วคราว
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 3 ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า แม้คดีนี้เป็นคดีอาญาโดยโจทก์มอบอำนาจให้นายธนุตม์และนายธนุตม์มอบอำนาจช่วงให้นายจรัสหล้า ฟ้องคดีนี้แทน แต่สำเนาหนังสือมอบอำนาจที่โจทก์แนบมาท้ายฟ้องระบุว่า โจทก์มอบอำนาจให้นายธนุตม์ฟ้องคดีแพ่งก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์มอบอำนาจให้นายธนุตม์ฟ้องคดีอาญา โดยเอกสารทั้งสองฉบับจัดทำขึ้น วันที่ 20 สิงหาคม 2555 กรณีเป็นที่เห็นได้ชัดว่า โจทก์แนบสำเนาหนังสือมอบอำนาจมาท้ายฟ้องผิดพลาด อันถือเป็นข้อบกพร่องเล็กน้อย ไม่ถึงกับทำให้อำนาจฟ้องของโจทก์เสียไป เมื่อโจทก์ขอแก้ฟ้องก่อนลงมือสืบพยานว่า สำเนาหนังสือมอบอำนาจที่โจทก์แนบมาท้ายฟ้องเป็นฉบับที่ส่งผิดพลาด และขอส่งสำเนาหนังสือมอบอำนาจฉบับใหม่ ที่โจทก์มอบอำนาจให้นายธนุตม์ฟ้องคดีอาญาแทน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต ถือได้ว่าโจทก์แก้ไขข้อบกพร่องเกี่ยวกับอำนาจฟ้องของผู้รับมอบอำนาจแล้ว เมื่อโจทก์นำสืบในชั้นพิจารณาว่าโจทก์มอบอำนาจให้นายธนุตม์และนายธนุตม์มอบอำนาจช่วงให้นายจรัสหล้าฟ้องคดีนี้ตามหนังสือมอบอำนาจซึ่งเป็นต้นฉบับของสำเนาหนังสือมอบอำนาจฉบับใหม่ดังกล่าว โดยจำเลยที่ 3 ไม่ได้นำสืบหักล้างเป็นอย่างอื่น ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า โจทก์มอบอำนาจให้นายธนุตม์และนายธนุตม์มอบอำนาจช่วงให้นายจรัสหล้าฟ้องคดีนี้ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องและพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 3 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน