ได้ความว่า จำเลยมีข้าวสารไว้ในครอบครอง ๘ กระสอบหนัก๘๓๙ กิโลกรัม มิได้แจ้งปริมาณและสถานที่เก็บตามประกาศ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย และให้ริบข้าว ๘ กระสอบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์ว่า เดิมมีข้าวอยู่ ๔ กระสอบ ไม่ต้องแจ้ง ได้ซื้อมาเพิ่มอีก ๔ กระสอบ ซึ่งควรริบแต่ ๔ กระสอบหลังเท่านั้น
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ภายหลังได้มี พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว ๒๔๘๙ ออกมาใหม่ ให้มีข้าวได้ถึง ๑๐๐๐ กิโลกรัมโดยไม่ต้องแจ้งปริมาณและสถานที่เก็บ ต้องบังคับตามกฎหมายฉะบับหลัง ให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่า พ.ร.บ. ๒ ฉะบับนั้นมิได้โต้แย้งหรือลบล้างซึ่งกันและกัน เมื่อจำเลยฝ่าฝืน พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคฯ ก็ลงโทษตาม พ.ร.บ.นี้ได้ ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาในเรื่องริบข้าวของกลาง
ศาลอุทธรณ์ พิพากษาริบข้าว ๘ กระสอบของกลาง ยืนตามศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยจะซื้อหรือมีข้าวไว้กี่ครั้งก็ตาม เมื่อรวมกันมีจำนวนที่ต้องแจ้งปริมาณสถานที่เก็บแล้วไม่แจ้ง ก็ต้องถือว่าข้าวทั้งหมดที่มีอยู่ในความครอบครองเป็นข้าวที่เกี่ยวกับความผิดทั้งสิ้น ซึ่ง ตาม ม.๒๐ ให้ริบเสีย พิพากษายืน.