โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานสงเคราะห์ ตำแหน่งพนักงานสงเคราะห์ยางจังหวัด สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางจังหวัดตรัง มีหน้าที่จัดการและรักษาวัสดุและอุปกรณ์ของกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง เมื่อระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2528ถึงวันที่ 4 เมษายน 2528 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยได้เบียดบังปุ๋ย 53 กระสอบ หนัก 2,650 กิโลกรัม ราคา 15,237.50 บาทของกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางซึ่งอยู่ในอำนาจจัดการดูแลรักษาของจำเลยตามหน้าที่ไปเป็นประโยชน์ของจำเลยโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 พระราชบัญญัติกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางพ.ศ. 2503 มาตรา 3, 4, 28 ประกาศกระทรวงเกษตร เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานสงเคราะห์ตามพระราชบัญญัติกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางพ.ศ. 2503 ลงวันที่ 4 มิถุนายน 2512 ข้อ 2.15 พระราชบัญญัติกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2505 มาตรา 3พระราชบัญญัติกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2518มาตรา 4
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502มาตรา 4 จำคุก 5 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "พิเคราะห์แล้วคดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยในชั้นนี้ตามฎีกาข้อแรกของโจทก์ว่า ศาลจะพิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 ตามฟ้องของโจทก์ได้หรือไม่ เห็นว่าคดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องไว้ชัดเจนว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงานสงเคราะห์ตำแหน่งพนักงานสงเคราะห์ยางจังหวัด สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางจังหวัดตรัง ตามพระราชบัญญัติกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางพ.ศ. 2503 ได้ยักยอกปุ๋ยของกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางซึ่งอยู่ในอำนาจจัดการดูแลรักษาของจำเลยตามหน้าที่ไปเป็นประโยชน์ของจำเลย ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 เพียงอย่างเดียวแต่ตามมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวให้บทวิเคราะห์ศัพท์คำว่า"พนักงาน" ไว้หมายถึง บุคคลต่าง ๆ ตามที่ระบุไว้ ทั้งนี้นอกจากผู้เป็นเจ้าพนักงานอยู่แล้วตามกฎหมาย เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานสงเคราะห์ตามพระราชบัญญัติกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง พ.ศ. 2503 จำเลยย่อมเป็นเจ้าพนักงานอยู่แล้วตามกฎหมายจึงไม่เป็นพนักงานตามความหมายของพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 ดังนั้นจึงไม่อาจลงโทษจำเลยตามฟ้องของโจทก์ได้ เทียบคำพิพากษาฎีกาที่619/2506 ระหว่างพนักงานอัยการ กรมอัยการ โจทก์ นายสมิตเนาว์อยู่คุ้ม จำเลย..."
พิพากษายืน.