คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ (จำเลย) เด็ดขาดเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2554
เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในมูลหนี้ตามคำพิพากษาเป็นเงิน 2,716,090.70 บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ในฐานะเจ้าหนี้มีประกันตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 96 (3)
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นัดตรวจคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 104 แล้ว ไม่มีผู้ใดโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้รายนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วเห็นควรให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้เสียทั้งสิ้นตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 107 (เดิม) ทั้งนี้ไม่กระทบถึงสิทธิของเจ้าหนี้ในการบังคับจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 22764 พร้อมสิ่งปลูกสร้างอันเป็นหลักประกันต่อไป
ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
เจ้าหนี้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษพิพากษาแก้เป็นว่า ไม่จำต้องสั่งในเรื่องสิทธิของเจ้าหนี้ในการบังคับจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 22764 พร้อมสิ่งปลูกสร้าง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำสั่งศาลล้มละลายกลาง ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ
เจ้าหนี้ฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นที่คู่ความมิได้โต้แย้งกันในชั้นนี้รับฟังเป็นยุติว่า วันที่ 22 กรกฎาคม 2554 เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในมูลหนี้ตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดสมุทรปราการเป็นเงิน 2,716,090.70 บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ในฐานะเจ้าหนี้มีประกันตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 96 (3) โดยมีที่ดินโฉนดเลขที่ 22764 เป็นหลักประกันต่อมาเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีหมายนัดฉบับลงวันที่ 6 มีนาคม 2556 ให้ผู้รับมอบอำนาจเจ้าหนี้นำพยานหลักฐานมาให้การสอบสวนในวันที่ 29 มีนาคม 2556 เจ้าหนี้ได้รับหมายโดยชอบแล้วเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2556 แต่ไม่ไปตามกำหนดนัด ต่อมาเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงมีหมายนัดแจ้งไปยังกรรมการผู้จัดการเจ้าหนี้ตามหมายนัดฉบับลงวันที่ 28 มิถุนายน 2556 ให้เจ้าหนี้นำพยานหลักฐานมาให้การสอบสวนและนำส่งต้นฉบับเอกสารหรือสำเนาเอกสารฉบับเจ้าหน้าที่รับรองสำเนาถูกต้องเพื่อประกอบคำขอรับชำระหนี้ในวันที่ 31 กรกฎาคม 2556 เจ้าหนี้ได้รับหมายโดยชอบเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2556 แต่เจ้าหนี้ยังคงไม่ไปให้การสอบสวนและนำส่งเอกสารตามกำหนดนัดดังกล่าวโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องให้ทราบ
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของเจ้าหนี้มีว่า เจ้าหนี้มีสิทธิได้รับชำระหนี้ตามคำขอรับชำระหนี้หรือไม่ เห็นว่า การขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายเจ้าหนี้ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ก็ตามมีหน้าที่ต้องนำพยานหลักฐานมาแสดงต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในชั้นสอบสวนเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า มูลหนี้ที่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ยังคงมีอยู่จริงก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์และลูกหนี้ต้องรับผิดในหนี้ดังกล่าว แม้หนี้ที่ขอรับชำระหนี้จะเป็นมูลหนี้เดียวกับที่โจทก์นำมาฟ้องขอให้ลูกหนี้ล้มละลายก็ตามก็หาผูกพันเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือศาลให้จำต้องถือตามไม่ ทั้งในการตรวจคำขอรับชำระหนี้ไม่ว่าจะเป็นหนี้ตามคำพิพากษาหรือไม่ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจออกหมายเรียกให้เจ้าหนี้ ลูกหนี้ หรือบุคคลใดมาสอบสวนในเรื่องหนี้สินที่ขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 105 มิใช่หน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะต้องไปตรวจเอกสารแห่งมูลหนี้ในสำนวนศาลหรือสำนักงานบังคับคดีตามที่เจ้าหนี้กล่าวอ้าง เมื่อเจ้าหนี้ไม่มีพยานบุคคลใดมาให้การหรือนำส่งพยานเอกสารใดในชั้นสอบสวนตามกำหนดนัดของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์โดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องใด ๆ ให้ทราบ และหมายนัดดังกล่าวทุกฉบับระบุข้อความไว้แล้วว่า หากเจ้าหนี้ไม่นำพยานหลักฐานมาให้การสอบสวนและนำส่งเอกสารตามกำหนดนัดโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องให้ทราบ ถือว่าเจ้าหนี้ไม่ติดใจอ้างพยานหลักฐานใดประกอบคำขอรับชำระหนี้อีก เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะทำความเห็นไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนนั้น เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงต้องทำความเห็นไปตามพยานหลักฐานเท่าที่ปรากฏในสำนวนการสอบสวน ซึ่งปรากฏว่าเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในมูลหนี้ตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดสมุทรปราการ คดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 2942/2543 โดยมีเพียงสำเนาคำพิพากษาแนบท้ายคำขอรับชำระหนี้ ซึ่งสำเนาเอกสารดังกล่าวไม่มีเจ้าหน้าที่ศาลรับรองความถูกต้อง พยานหลักฐานดังกล่าวจึงไม่เพียงพอที่จะรับฟังว่า ลูกหนี้เป็นหนี้เจ้าหนี้ตามจำนวนที่เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้มา เจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ตามคำขอรับชำระหนี้ ที่ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษวินิจฉัยในส่วนนี้มานั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย แต่อย่างไรก็ตามที่ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษวินิจฉัยต่อมาว่า เมื่อเจ้าหนี้ไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ประธานแล้ว เจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ในฐานะเจ้าหนี้มีประกันในคดีนี้นั้น เห็นว่า การที่ศาลมีคำสั่งยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้เนื่องจากเจ้าหนี้ไม่นำพยานมาให้การสอบสวนต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ใช่เหตุที่ทำให้หนี้ระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หมวด 5 ความระงับหนี้ การจำนองจึงไม่ระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 744 เจ้าหนี้จึงยังคงมีฐานะเป็นเจ้าหนี้มีประกันมีสิทธิในการบังคับเอาแก่ทรัพย์สินที่จำนองนั้นได้ ที่ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษวินิจฉัยในส่วนนี้มานั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของเจ้าหนี้ฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ แต่ไม่กระทบถึงสิทธิของเจ้าหนี้ในการบังคับจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 22764 พร้อมสิ่งปลูกสร้างอันเป็นหลักประกันต่อไป นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ