ได้ความว่า โจทก์เป็นน้องต่างมารดาและเป็นทายาทพระภิกษุบู้พระภิกษุบู้ตายมีมรดกคือ ที่นาโฉนดเลขที่ 460 ภายหลังพระภิกษุบู้ตาย จำเลยได้ร้องขอต่อศาลว่าได้ซื้อนารายนี้จากพระภิกษุบู้ผู้ครอบครองมากว่า 20 ปี ศาลสั่งถอนชื่อพระภิกษุบู้ ลงชื่อจำเลยในโฉนดแทน โจทก์ฟ้องขอให้ถอนชื่อจำเลย ใส่ชื่อโจทก์ อ้างว่าพระภิกษุบู้ให้จำเลยอาศัยทำกิน จำเลยต่อสู้ว่า พระภิกษุบู้ขายให้จำเลย 2,000 บาท
ศาลชั้นต้นเห็นว่า พยานโจทก์ที่ว่าให้จำเลยอาศัยเลื่อนลอยให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แต่มีความเห็นแย้งว่าควรให้โจทก์ชนะคดีเพราะจำเลยยังคงรับรองกรรมสิทธิ์ของพระภิกษุบู้ โดยเสียค่านาในชื่อพระภิกษุบู้
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยได้ครอบครองที่พิพาทติดต่อกันมากว่า 20 ปีแล้ว และว่าขณะนี้จำเลยมีชื่อในหน้าโฉนด โดยมีคำพิพากษาของศาลรับรองอยู่ และจำเลยอาจใช้คำพิพากษานี้ยันโจทก์ได้ เว้นแต่โจทก์จะพิสูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145(2) ซึ่งเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบให้ได้ความสมฟ้องว่า การที่จำเลยครอบครองอยู่นี้ เป็นโดยอาศัยพระภิกษุบู้ จึงจะชนะคดี
พิพากษายืน