โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันใช้อาวุธยิงต่อสู้ขัดขวางพลตำรวจสะโอดและพลตำรวจประดิษฐ์ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย โดยพลตำรวจทั้งสองเข้าจับกุมจำเลยที่ ๑ ในข้อหาฐานใช้มีดแทงทำร้ายนายม้วน ซึ่งเป็นการปฏิบัติการตามอำนาจหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยทั้งหมดร่วมกันชักอาวุธเข้ารายล้อมขู่เข็ญและใช้ปืนยิงเจ้าพนักงานตำรวจหลายนัดโดยมีเจตนาฆ่าเจ้าพนักงานตำรวจดังกล่าว เพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นการจับกุม และกระสุนปืนพลาดไป ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๘, ๒๘๘, ๒๘๙, ๘๐ ริบของกลางและให้นับโทษจำเลยที่ ๑ ต่อจากโทษในคดีอาญาดำที่ ๒๒๓/๒๕๐๘ ด้วย
คดีอาญาดำที่ ๒๒๓/๒๕๐๘ พนักงานอัยการฟ้องจำเลยที่ ๑ ผู้เดียวหาว่าใช้มีดพันนายม้วน ขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๑ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙๕ และได้ฟ้องจำเลยที่ ๑ อีกสำนวนหนึ่งตามคดีอาญาดำที่ ๒๗๒/๒๕๐๘ หาว่ามีอาวุธปืนและกระสุนปืนและกระสุนปืนโดยมิได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ พ.ศ. ๒๕๙๐ มาตรา ๗,๗๒ นอกจากนี้จำเลยที่ ๑ ก
ลับเป็นโจทก์ฟ้องสิบตำรวจเอกอุดมกับพลตำรวจทั้งสองดังกล่าวเป็นจำเลยตามคดีอาญาดำที่ ๓๑๖/๒๕๐๘ หาว่าสมคบกันใช้ปืนยิงจำเลยที่ ๑ โดยเจตนาฆ่า คดี ๔ สำนวน ศาลชั้นต้นได้พิจารณาพิพากษารวมกันมา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๓๘ วรรค ๒,๒๘๙(๒),๘๐,๒๙๕ พระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗,๗๒ แต่ให้ลงโทษเฉพาะความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ตามมาตรา ๒๘๙(๒),๘๐ อันเป็นกระทงหนักที่สุด ให้จำคุกจำเลยที่ ๑ ไว้ ๑๖ ปี ส่วนจำเลยที่ ๒,๓,๔,๕ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๓๘ วรรค ๒ ให้จำคุกไว้คนละ ๑ ปี ริบของกลางคดีที่จำเลยที่ ๑ ฟ้องสิบตำรวจเอกอุดมกับพวก ให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๑ ผู้เดียวอุทธรณ์ทุกสำนวน
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คดีฟังได้แต่เพียงว่าจำเลยที่ ๑ ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๓๘ ประกอบด้วยมาตรา๑๔๐ เท่านั้น พิพากษาแก้ว่าจำเลยที่ ๑ มีความรับผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๓๘ ประกอบด้วยมาตรา ๑๔๐ ซึ่งเป็นกระทงหนักตามมาตรา ๙๑ ให้นำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๒ ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๑ ฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ศาลฎีกาเห็นว่าที่ศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้องโทษฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ชอบแล้ว แต่เห็นว่าที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำเลยที่ ๑ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๓๘ ประกอบด้วยมาตรา ๑๔๐ ซึ่งเป็นบทกระทงที่หนักตามมาตรา ๙๑ นั้น เกินคำขอของโจทก์เพราะโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา ๑๔๐ ด้วย ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา ๑๔๐ ซึ่งเป็นบทหนัก จึงเป็นผลร้ายแก่จำเลย แม้จำเลยที่ ๑ จะมิได้ฎีกาขึ้นมา แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไข
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๓๘ มาตรา ๒๙๕ พระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ พ.ศ.๒๔๙๐ มาตรา ๗,๗๒ ให้ลงโทษจำเลยที่ ๑ ตามมาตรา ๑๓๘ และมาตรา ๒๙๕ ให้จำคุกกระทงละ ๑ ปี รวม ๒ กระทงให้จำคุก ๒ ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์