โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าตึกแถวของโจทก์เพื่อประกอบธุรกิจการค้า โดยไม่มีกำหนดเวลา ตั้งแต่ 1 เมษายน 2480 ครั้นวันที่ 7 เมษายน 2490 โจทก์บอกเลิกการเช่า จำเลยไม่ส่งคืน ให้ขับไล่และใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า ได้อาศัยอยู่ในตึกเช่าของโจทก์ ย่อมได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ และตามสัญญามีว่าเมื่อเช่าครบ 3 ปีแล้วให้ทำสัญญาเช่ากันใหม่ต่ออีก 3 ปี โจทก์ไม่ยอมทำสัญญาให้จำเลย จำเลยมีสิทธิเช่าต่อไป
ชั้นพิจารณา โจทก์แถลงว่า จำเลยอยู่อาศัยและค้าขายด้วยแต่ค้าขายเป็นประธาน จำเลยว่าไม่ใช่ค้าเป็นประธานหรือส่วนใหญ่
ศาลชั้นต้นงดสืบพยาน พิพากษาว่า ตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ พ.ศ. 2490 จำเลยจะค้าเป็นส่วนใหญ่ หรืออยู่เป็นส่วนใหญ่ก็ได้รับความคุ้มครอง ให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์อ้างในฟ้องว่า จำเลยเช่าเพื่อประกอบธุรกิจการค้า จำเลยต่อสู้ว่า ได้เช่าจริงและจำเลยได้อาศัยอยู่ในตึกเช่าของโจทก์นั้น จำเลยไม่ได้ต่อสู้เลยว่าไม่ได้เช่าตึกเพื่อประกอบธุรกิจการค้าดังโจทก์อ้างมาในฟ้อง จึงต้องถือว่าจำเลยรับในข้อนี้ แต่จำเลยเถียงว่าได้อยู่อาศัยด้วย เมื่อจำเลยเช่าเพื่อประกอบธุรกิจการค้า ก็ไม่ใช่เช่าเคหะ และไม่ตกอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน พ.ศ. 2489 แก้ไขเพิ่มเติมพ.ศ. 2490 แต่ตามคำฟ้องและคำให้การของคู่ความยังมีประเด็นอื่นอีก จึงพิพากษายก ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่