โจทก์ฟ้องว่า  จำเลยมีอาวุธปืนเล็กยาวแบบ ๘๓  ขนาด ๗.๖๒  ซึ่งเป็นอาวุธปืนสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงครา  ตามกฎกระทรวงไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาต  และมีกระสุนปืน ๑๓  นัดไว้โดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย  ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๗๒, ๕๕, ๗๘  ฉบับที่ ๓  พ.ศ. ๒๕๐๑  มาตรา ๕,๘   กฎกระทรวงฉบับที่ ๗  พ.ศ. ๒๕๐๑  ข้อ ๓  ข. และขอให้ริบของกลาง
จำเลยให้การว่า  ปืนเป็นของนายนาวินซึ่งมีใบอนุญาตเอามาทิ้งไว้บ้านจำเลย
ศาลชั้นต้นฟังว่าปืนและกระสุนปืนของกลางจำเลยรับฝากไว้จากนายนาวิน  ปืนนี้เป็นปืนที่ใช้เฉพาะแต่ในการสงคราม  แต่จำเลยไม่ทราบว่าเป็นปืนชนิดนี้  จึงไม่ต้องรับผิดหนักขึ้น  พิพากษาปรับจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน  พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๗๒  กฎกระทรวงฉบับที่ ๗  พ.ศ. ๒๕๐๑  ข้อ ๓  ข. ปืนและกระสุนปืนให้ริบ
จำเลยอุทธรณ์ฝ่ายเดียว
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า  ปืนของกลางเป็นปืนเมาเซอร์ไรเฟิลของนายนาวิน  มีใบอนุญาตจึงเป็นปืนที่ชอบด้วยกฎหมาย  หาใช่เป็นปืนเล็กยาวแบบ ๘๓  ซึ่งใช้เฉพาะแต่ในการสงครามไม่  ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยผิดจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวนและที่นายนาวิน  เอาปืนฝากไว้โดยจะมาเอาในวันรุ่งขึ้น  ไม่ถือว่าจำเลยเป็นผู้มีอาวุธปืน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า  ข้อที่ว่าการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าปืนของกลางเป็นปืนเล็กยาวแบบ ๘๓  เป็นการวินิจฉัยผิดไปจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวนนั้น  เป็นการโต้เถียงคำวินิจฉัยและดุลพินิจของศาลอุทธรณ์  จึงเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง  ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา  มาตรา ๒๑๘
นายนาวินได้รับอนุญาตให้มีปืนนี้  เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๐  ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ พ.ศ. ๒๔๙๐  มิได้กำหนดไว้ชัดเจนว่าอย่างใดเรียกว่าอาวุธปืนที่ใช้เฉพาะแต่ในการสงครามต่อมามีพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ พ.ศ. ๒๕๐๑  บัญญัติให้รัฐมนตรีมีอำนาจกำหนดว่าอย่างใดเป็นอาวุธปืนที่ใช้แต่เฉพาะในการสงคราม  รัฐมนตรีก็ได้ออกกฎกระทรวงฉบับที่ ๗  พ.ศ. ๒๕๐๑  ข้อ (๓) ข.  ได้กำหนดว่า  ปืนเล็กยาวแบบ ๘๓  ขนาด ๖.๕ ม.ม.  และ ๗.๖๒ ม.ม.  เป็นปืนที่ใช้เฉพาะแต่ในการสงคราม  ปืนของกลางฟังได้ว่าเป็นปืนที่ใช้แต่เฉพาะในการสงครามจริง  พระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ ฉบับที่ ๓  พ.ศ. ๒๕๐๑  มาตรา ๑๐ บัญญัติว่า  ถ้าผู้มีอาวุธปืนดังกล่าวนำไปมอบให้กับนายทะเบียนท้องที่ภายใน ๙๐ วัน  ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ  ฉะนั้น  ปืนนี้จะต้องนำไปมอบตามพระราชบัญญัติดังกล่าว  เมื่อเจ้าของมิได้นำไปมอบ  ปืนนี้ก็เป็นของมีไว้เป็นความผิดอันพึงริบตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา ๓๒  จำเลยรับฝากไว้ไม่ว่าจะเป็นเวลานานสักเท่าใด  ต้องฟังว่ามีไว้ในครอบครองแล้ว  ที่ศาลล่างพิพากษาลงโทษจำเลยและริบของกลางนั้นชอบแล้ว  พิพากษายืน