โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยนำโฉนดที่ดินเลขที่ 114467 (ที่ถูก โฉนดที่ดินเลขที่ 11467) ตำบลหนองลาด อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร เนื้อที่ 18 ไร่ 3 งาน 73 ตารางวา จดทะเบียนแบ่งแยกโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในส่วนของนางหนูเดินเนื้อที่ 9 ไร่ 1 งาน 86 ตารางวา ให้แก่โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของนางหนูเดิน ถ้าจำเลยไม่ดำเนินการให้ถือคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาและให้เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดที่ดินฉบับใหม่เฉพาะส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของนางหนูเดินให้แก่โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของนางหนูเดิน
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยนำโฉนดที่ดินเลขที่ 11467 ตำบลหนองลาด อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร ไปจดทะเบียนแบ่งแยกโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินเนื้อที่ 4 ไร่ 2 งาน 93.25 ตารางวา ให้แก่โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของนางหนูเดิน วิธีการแบ่งให้เป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364 คำขออื่นให้ยก ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เป็นว่า การดำเนินการจดทะเบียนแบ่งแยกโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 11467 ให้จำเลยดำเนินการในฐานะผู้จัดการมรดกของนายเสกสรรค์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้เถียงกันในชั้นฎีการับฟังได้ว่า ที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ 11467 ตำบลหนองลาด อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร เนื้อที่ 18 ไร่ 3 งาน 73 ตารางวา มีชื่อนายเสกสรรค์หรือกดกับนางหนูเดินซึ่งเป็นสามีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมและเป็นสินสมรสของบุคคลทั้งสองตามสำเนาโฉนดที่ดินและสำเนาข้อมูลทะเบียนครอบครัว ทั้งสองไม่มีบุตรด้วยกัน ต่อมาเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2545 นางหนูเดินถึงแก่ความตาย ขณะนางหนูเดินถึงแก่ความตาย นางหนูเดินมีทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดกเพียง 2 คน คือ นายจิ พี่ชาย และนายเสกสรรค์ หลังจากนั้นวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2551 นายเสกสรรค์ถึงแก่ความตาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนางหนูเดินตามคำร้องขอของนายจิ และมีคำสั่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของนายเสกสรรค์ตามพินัยกรรมของนายเสกสรรค์ มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยเพียงประการเดียวว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 วรรคหนึ่ง หรือไม่ เห็นว่า คดีนี้นอกจากข้อเท็จจริงจะได้ความจากคำเบิกความของพยานโจทก์ปากนายจิ ทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของนางหนูเดินที่เบิกความว่า ภายหลังจากนางหนูเดินถึงแก่ความตายนายเสกสรรค์ได้พูดกับพยานว่า เกี่ยวกับทรัพย์มรดกของนางหนูเดินนั้นให้จัดการทำบุญให้กับนางหนูเดินเรียบร้อยเสียก่อน พยานได้ไปหานายเสกสรรค์ที่บ้านปีละประมาณ 3 ถึง 4 ครั้ง แต่ละครั้งนายเสกสรรค์ได้มอบข้าวสารให้พยาน ก่อนนายเสกสรรค์ถึงแก่ความตายนายเสกสรรค์ได้พูดคุยกับพยานว่า หากนายเสกสรรค์ถึงแก่ความตายแล้วให้พยานจัดการเกี่ยวกับทรัพย์มรดกในส่วนที่เป็นของนางหนูเดินได้ ข้อเท็จจริงยังได้ความจากสารบัญจดทะเบียนของโฉนดที่ดินเลขที่ 11467 ว่าจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของนายเสกสรรค์ได้ดำเนินการโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 11467 ให้จำเลยเฉพาะส่วนที่เป็นของนายเสกสรรค์ ในส่วนที่ดินพิพาทยังเป็นชื่อนางหนูเดินเช่นเดิม แสดงว่าจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของนายเสกสรรค์ยอมรับสิทธิในการรับมรดกที่ดินพิพาทของทายาทนางหนูเดิน หลังจากฟ้องคดีนี้แล้ว ทายาทบางส่วนของนายเสกสรรค์ได้ทำหนังสือมอบอำนาจมีเนื้อหาในทำนองให้จำเลยโอนที่ดินพิพาทให้แก่ทายาทของนางหนูเดิน จากข้อเท็จจริงข้างต้นเป็นพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่านายเสกสรรค์และจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดก ซึ่งถือว่าเป็นตัวแทนทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของนายเสกสรรค์ได้สละประโยชน์แห่งอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 193/24 แล้วจำเลยจึงไม่อาจยกอายุความขึ้นต่อสู้โจทก์ได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ