ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม: การโต้เถียงดุลพินิจการรับฟังพยานหลักฐานในชั้นอุทธรณ์ ถือเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาเรียงกระทงลงโทษจำเลยฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 6 ปี และฐานจำหน่ายเฮโรอีนจำคุก 6 ปี รวมจำคุก 12 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามแล้ว คงจำคุกจำเลย 9 ปี ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า เมื่อลดโทษให้หนึ่งในสามแล้วคงจำคุกจำเลย 8 ปี จึงเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้ไขเล็กน้อย และให้ลงโทษจำคุกจำเลยกระทงละไม่เกิน 5 ปี ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคหนึ่ง จำเลยฎีกาว่า พนักงานสอบสวนไม่ได้ทำแผนที่เกิดเหตุ ไม่ให้จำเลยนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพ สายลับที่อ้างว่าล่อซื้อเฮโรอีนจากจำเลยไม่ได้มาเบิกความเป็นพยาน และพฤติการณ์ของเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมส่อไปในทางทุจริต พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาจึงมีพิรุธไม่ควรแก่การเชื่อถือพยานจำเลยสามารถหักล้างพยานโจทก์ได้นั้น ล้วนเป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค 3 จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกา