โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าของร้านค้าใช้ชื่อว่าย่งลีฮองจำเลยได้เดินทางไปประเทศจีนชั่วคราวและได้แต่งตั้งให้นายเนียมจิวเป็นตัวแทนมีหน้าที่เป็นผู้จัดการร้านย่งลีฮอง ซึ่งจำเลยเป็นเจ้าของในระหว่างที่จำเลยไม่อยู่นายเนียมจิวในฐานตัวแทนของจำเลยได้กู้เงินโจทก์เพื่อใช้ในกิจการค้าของร้านย่งลีฮอง 16,000 บาท แต่ได้ผ่อนใช้มาหลายครั้งเป็นเงิน 7,000 บาท คงค้างอยู่ 9,000บาท ปรากฏตามหนังสือ 2 ฉบับท้ายฟ้อง ครั้นเมื่อจำเลยกลับจากประเทศจีน จำเลยบ่ายเบี่ยงไม่ชำระหนี้รายนี้ โจทก์จึงฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระ พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยมอบหมายให้นายเนียมจิว แซ่เบ๊เป็นผู้จัดการค้าขายสิ่งของในร้านของจำเลย แต่ไม่ได้มอบให้ไปกู้เงินจึงเป็นการนอกเหนือหน้าที่ของตัวแทน
ศาลชั้นต้นฟังว่า เงิน 16,000 บาทนี้ได้ลงบัญชีของร้านย่งลีฮองกู้มาใช้ในกิจการค้าของจำเลย แม้การตั้งตัวแทนรายนี้จะมิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือ ตัวการก็ต้องรับผิดตามนัยแห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 821, 822 พิพากษาให้จำเลยใช้เงินที่ค้างชำระให้โจทก์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า รูปคดีไม่เข้าลักษณะเชิดให้เป็นตัวแทนตามมาตรา 821, 822 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เรื่องนี้มิใช่กรณีตั้งตัวแทนไปกู้เงิน แต่เป็นกรณีตั้งตัวแทนจัดการร้านค้า ซึ่งไม่จำเป็นต้องทำเป็นหนังสือและตามปกติผู้มาติดต่อก็ย่อมเข้าใจว่า ผู้จัดการเช่นนี้มีสิทธิทำการกู้ยืมเงินไปใช้ในการค้านั้นได้ และข้อเท็จจริงในคดีนี้ที่ว่าเงินจำนวน 16,000 บาท ที่นายเนียมจิวกู้จากโจทก์ได้ใช้ไปในกิจการค้าของจำเลยหรือไม่นั้น ทางพิจารณาก็ปรากฏว่า นอกจากได้ลงบัญชีรับของร้านจำเลยตามระเบียบแล้ว ยังได้นำเข้าเก็บไว้ในตู้นิรภัยของร้านจำเลย และต่อมาก็ได้จ่ายในทางซื้อของเข้าร้านซึ่งายเนียมจิวเป็นผู้สั่งจ่ายได้ตามหน้าที่รูปคดีจึงเข้าลักษณะตัวแทนตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 821, 822 ตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมา จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น