โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2542 เวลากลางวันจำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 17 เม็ด น้ำหนัก 1.53 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย กับร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวจำนวน2 เม็ด ให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อในราคา 200 บาท และจำเลยทั้งสองเสพเมทแอมเฟตามีนโดยวิธีกินและสูดดมควันเข้าสู่ร่างกายขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 4, 7, 8, 15, 57, 66, 67, 91, 102 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 32, 83, 91 ริบเมทแอมเฟตามีนที่เหลือจากการตรวจพิสูจน์และคืนธนบัตรจำนวน 200 บาท แก่เจ้าของ
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15, 66วรรคหนึ่ง, 57, 91 (ที่ถูกมาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง,57, 91 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83) การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมเรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกคนละ 5 ปี ฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำคุกคนละ 5 ปี ฐานเสพเมทแอมเฟตามีนจำคุกคนละ 6 เดือน รวมจำคุกคนละ 10 ปี 6 เดือน จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุกคนละ 5 ปี 3 เดือน ริบเมทแอมเฟตามีนที่เหลือจากการตรวจพิสูจน์และคืนธนบัตรของกลาง 200 บาท แก่เจ้าของ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "คดีนี้ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาจำเลยทั้งสองเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาจำต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ฟังข้อเท็จจริงมาว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำนวน 17 เม็ด และร่วมกันจำหน่ายให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อไป 2 เม็ด เหลืออยู่ที่ตัวจำเลยที่ 1 จำนวน 15 เม็ดปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองดังกล่าวเป็นความผิดกรรมเดียวหรือหลายกรรมต่างกันปัญหาข้อนี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยซึ่งมีจำเลยทั้งสองยกขึ้นอุทธรณ์แล้วแต่ศาลอุทธรณ์ภาค 3มิได้วินิจฉัยให้ และแม้ว่าจะไม่ได้ยกขึ้นในศาลชั้นต้น จำเลยทั้งสองก็ยกขึ้นฎีกาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 จำเลยทั้งสองฎีกาว่าเมทแอมเฟตามีนจำนวน 2 เม็ด ที่ขายให้สายลับและจำนวน 15 เม็ดที่ตรวจค้นพบที่ตัวจำเลยที่ 1 เป็นจำนวนเดียวกันที่มีไว้เพื่อจำหน่ายการขายหรือมีไว้เพื่อขายเป็นความผิดเดียวกัน และกระทำในช่วงเวลาใกล้เคียงต่อเนื่องกัน การกระทำความผิดของจำเลยทั้งสองจึงเป็นกรรมเดียวมิใช่หลายกรรม เห็นว่า พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4 ให้นิยามคำว่า "ขาย"หมายความรวมถึงจำหน่าย และมีไว้เพื่อขายด้วยดังนั้น การมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อขายจำนวนหนึ่งและขายไปจำนวนหนึ่งซึ่งเป็นเมทแอมเฟตามีนจำนวนเดียวกันตามพระราชบัญญัติดังกล่าวจึงเป็นความผิดอย่างเดียวกันและเป็นความผิดกรรมเดียวแต่คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองในข้อหาว่าร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มิใช่ตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 และได้มีประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 97 (พ.ศ. 2539) เรื่องระบุชื่อและจัดแบ่งประเภทวัตถุออกฤทธิ์ตามความในพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อและจัดแบ่งประเภทวัตถุออกฤทธิ์ออกตามความในพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ. 2518 เดิมทุกฉบับ และให้วัตถุออกฤทธิ์ที่ระบุชื่อในบัญชีท้ายประกาศดังกล่าวเป็นวัตถุออกฤทธิ์ตามความในพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 ซึ่งตามบัญชีท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุขดังกล่าวไม่ได้ระบุชื่อเมทแอมเฟตามีนเป็นวัตถุออกฤทธิ์อีกต่อไป แต่ได้มีประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 135 (พ.ศ. 2539) เรื่อง ระบุชื่อและประเภทยาเสพติดให้โทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522ระบุชื่อเมทแอมเฟตามีนเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 แล้ว ดังนั้นคำนิยามในมาตรา 4 ของคำว่า "ขาย" ตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 จึงไม่อาจนำมาใช้สำหรับความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522ซึ่งมีคำนิยามของคำว่า "จำหน่าย" ไว้โดยเฉพาะแล้วในมาตรา 4ให้หมายความว่า ขาย จ่าย แจก แลกเปลี่ยน ให้ มิได้มีความหมายรวมถึงการมีไว้ครอบครองเพื่อจำหน่ายดังเช่นพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 ด้วย และความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 66เป็นความผิดที่แยกเจตนาในการกระทำต่างหากจากกันได้แม้จะเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องกระชั้นชิดกันก็ตามการที่จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำนวน 17 เม็ด เป็นความผิดสำเร็จแล้วกรรมหนึ่งและเมื่อจำเลยทั้งสองร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนที่มีไว้ในครอบครองดังกล่าวแก่สายลับไป 2 เม็ด ก็ย่อมมีความผิดฐานจำหน่ายอีกกรรมหนึ่ง การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดสองกรรมต่างกัน หาใช่ความผิดกรรมเดียวไม่ ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น"
พิพากษายืน