คดีสืบเนื่องจากเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาขอให้ดำเนินการบังคับคดีโดยยึดเรือนจำเลยลูกหนี้ตามคำพิพากษา ๑ หลัง หมู่ที่ ๑๓ ตำบลสีดา อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ราคา ๕,๐๐๐ บาท เพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ ผู้ร้องยื่นคำร้องคัดค้านว่าเรือนที่นำยึดเป็นของผู้ร้องกับสามีปลูกในที่ดินของผู้ร้องเมื่อ ๑๐ ปีมาแล้ว ได้ให้นางป้อมบุตรสาวอยู่ได้ ๒ - ๓ ปี จึงได้จำเลยเป็นสามี และอยู่กินในเรือนพิพาทนี้ตลอดมา ครั้นเมื่อ ๕ ปีมานี้ ทั้งสองได้ออกจากเรือนพิพาทไปทำกินอยู่จังหวัดอุดรธานี จึงได้ส่งมอบเรือนพิพาทคืนแก่ผู้ร้อง ซึ่งต่อมาผู้ร้องได้ให้บุตรชายอยู่อาศัย ขอให้ศาลสั่งปล่อยเรือนพิพาทที่ถูกนำยึด
โจทก์คัดค้านว่าเรือนพิพาทเป็นของจำเลยซึ่งปลูกสร้างอยู่อาศัยเองตลอดมา มิใช่เป็นของผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นฟังว่าเรือนพิพาทเป็นของผู้ร้อง พิพากษายกคำร้องขัดทรัพย์
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยเป็นผู้ปลูกเรือนพิพาทในที่ดินของผู้ร้อง แต่เรือนพิพาทเป็นเรือนถาวร และไม่ปรากฏว่าปลูกไว้เป็นการชั่วคราว หรือจำเลยได้สิทธิหรืออำนาจใด ๆ จากผู้ร้อง เรือนพิพาทจึงเป็นส่วนควบของที่ดินผู้ร้อง ตามแบบอย่างคำพิพากษาฎีกาที่ ๖๙๘/๒๕๐๖ พิพากษากลับ ให้ถอนการยึดเรือนพิพาท
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยเป็นผู้ปลูกเรือนพิพาทขึ้นเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของจำเลยและภริยา และตามพฤติการณ์แห่งคดีเห็นได้ว่าผู้ร้องและสามียินยอมให้จำเลยปลูกเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของจำเลยและภริยา เรือนพิพาทไม่เป็นส่วนควบกับที่ดินของผู้ร้อง คำพิพากษาที่ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นอ้าง ข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ โจทก์มีอำนาจยึดได้ ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิอาจร้องขัดทรัพย์ พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องขัดทรัพย์