ผู้ร้อง ยื่น คำร้อง ขอ ว่า กรมศิปากรา มี หนังสือ แจ้ง ให้ ผู้ร้องทราบ ว่า อาคาร ของ ผู้ร้อง มี คุณค่า โดย ลักษณะ เป็น โบราณสถานตาม พระราชบัญญัติ โบราณสถานฯ พ.ศ. 2504 กรมศิลปากร จะ ดำเนินการ ขึ้นทะเบียน เป็น โบราณสถาน ตาม กฎหมาย ต่อไป ขอ ให้ ศาล มี คำสั่ง ให้กรมศิลปากร ระงับ การ กระทำ ดังกล่าว
ผู้คัดค้าน ทั้ง สอง คัดค้าน ว่า กรมศิลปากร ยัง มิได้ ประกาศ ขึ้นทะเบียน อาคาร ตาม คำร้อง เป็น โบราณสถาน ตาม กฎหมาย และ ผู้ร้อง มิได้ใช้ สิทธิ ร้อง ต่อ ศาล ภายใน เวลา ที่ กฎหมาย กำหนด ขอ ให้ ยก คำร้อง
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว มี คำสั่ง ยก คำร้อง
ผู้ร้อง อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิจารณา แล้ว มี คำสั่ง ให้ จำหน่ายคดี
ผู้ร้อง ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ข้อกฎหมาย ว่า ปรากฏ ว่า ผู้ร้อง ยื่น อุทธรณ์ เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2528 ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง ใน วันเดียวกัน ว่า 'รับสำเนา ให้ อธิบดี กรมศิลปากร ผู้คัดค้าน โดย ให้ ผู้ร้อง นำส่ง ภายใน15 วัน' วันที่ 15 พฤษภาคม 2528 หัวหน้างาน เดินหมาย และ ประกาศ ของกรมบังคับคดี รายงาน ว่า พ้น กำหนด 15 วัน แล้ว ผู้ อุทธรณ์ หรือ ผู้แทนผู้อุทธรณ์ ไม่ มา นำส่ง ตาม ข้อเท็จจริง ดังกล่าว เป็น กรณี ที่ศาลชั้นต้น สั่ง ให้ ผู้ร้อง เป็น ผู้จัดการ นำส่ง ภายใน กำหนด เวลา15 วัน ซึ่ง ศาลชั้นต้น มี อำนาจ ที่ จะ สั่ง ได้ โดย ชอบ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 70 วรรคท้าย ที่ แก้ไข แล้วทั้ง กำหนด เวลา ที่ ศาลชั้นต้น กำหนด เป็น เวลา ที่ สมควร แล้ว การที่ ผู้ร้อง ไม่ ดำเนินคดี ภายใน เวลา ที่ ศาลชั้นต้น กำหนด จึง ถือ ได้ว่า ผู้ร้อง ทิ้ง ฟ้อง ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา174(2) ศาลอุทธรณ์ ชอบ ที่ จะ จำหน่ายคดี ตาม ที่ กำหนด ไว้ ใน มาตรา132(1) ประกอบ ด้วย มาตรา 246 ส่วน ที่ ผู้ร้อง กล่าวอ้าง มา ใน ฎีกาว่า ได้ไป เสีย ค่าใช้จ่าย ใน การ นำส่ง สำเนา อุทธรณ์ ไว้ ล่วงหน้าแล้ว นั้น ถึง แม้ ข้ออ้าง ของ ผู้ร้อง จะ เป็น จริง ก็ ไม่ ทำ ให้ผู้ร้อง หมด หน้าที่ ที่ จะ ต้อง จัดการ นำส่ง ตาม คำสั่ง ขอศาลชั้นต้น คำสั่ง ศาลอุทธรณ์ ชอบ แล้ว
พิพากษา ยืน.