คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2530 ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน 192,456.24 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 16 ต่อปี ของต้นเงิน 153,959.03 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 10389 พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้โจทก์ หากได้เงินไม่พบชำระหนี้ให้บังคับเอาแก่ทรัพย์อื่นของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ชำระหนี้ให้โจทก์จนครบ กับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ 1,200 บาท
เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2546 โจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยทั้งสามมิได้ชำระหนี้ให้โจทก์แต่โจทก์ไม่สามารถนำยึดทรัพย์ได้ เนื่องจากโจทก์ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 9246/2525 ของศาลแพ่งได้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 10389 ไว้แล้วก่อนคดีของโจทก์ ต่อมาเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2534 ได้มีการถอนการยึดทรัพย์ซึ่งโจทก์ในคดีนี้ไม่ทราบมาก่อนเนื่องจากไม่เคยมีหนังสือจากเจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งให้ทราบ เพิ่งทราบหลังระยะเวลาการบังคับคดีสิ้นสุดลงแล้ว ด้วยเหตุที่เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้แจ้งให้โจทก์ทราบและโจทก์มีปริมาณลูกค้าจำนวนมากมาย ทำให้โจทก์ไม่อาจทราบได้ว่าโจทก์ในคดีอื่นถอนการยึดทรัพย์ไว้แล้ว เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ขอศาลได้โปรดขยายระยะเวลาในการบังคับคดีออกไป
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า พิเคราะห์ตามคำร้องของโจทก์แล้วไม่เข้าเหตุสุดวิสัยตามกฎหมาย ทั้งสำนวนคดีศาลได้ปลดเผาตามระเบียบแล้ว จึงให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ต่อมาระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์ขอถอนฎีกาจำเลยที่ 3 ศาลฎีกาอนุญาต
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า มีเหตุสมควรที่จะขยายระยะเวลาการบังคับคดีตามคำร้องของโจทก์หรือไม่ เห็นว่า คดีนี้ปรากฏว่าโจทก์เป็นเจ้าหนี้ผู้รับจำนอง แม้โจทก์ในคดีอื่นจะได้นำยึดทรัพย์จำนองและได้มีการถอนการยึดทรัพย์ดังกล่าวแล้วหรือไม่ก็ตาม โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะร้องขอต่อศาลชั้นต้นซึ่งออกหมายบังคับคดีให้เอาเงินที่ได้มานั้นชำระหนี้ตนก่อนเจ้าหนี้อื่น ๆ ได้ โดยไม่ต้องคำนึงว่าจะมีเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีอื่นยึดทรัพย์จำนองไว้แล้วหรือไม่ และหาเป็นเหตุให้โจทก์หมดสิทธิในฐานะผู้รับจำนองไม่ เพราะการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาย่อมไม่กระทบกระเทือนถึงบุริมสิทธิของผู้รับจำนองซึ่งอาจร้องขอให้บังคับคดีเหนือทรัพย์นั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 และการไม่บังคับคดีภายในกำหนด 10 ปี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 ก็ไม่เป็นเหตุให้หนี้จำนองระงับสิ้นไป ลูกหนี้ยังคงต้องรับผิดตามทรัพย์ที่จำนอง จึงไม่มีเหตุที่ศาลจะขยายระยะเวลาบังคับคดีให้ตามคำร้องของโจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล"
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ