โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยและผู้มีชื่ออีก 4 คนมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันในที่ดินมรดกโฉนดที่ 1085 ผู้มีชื่อทั้ง 4 ได้แยกกันครอบครองที่ดินทางทิศตะวันตกและตะวันออกเป็นส่วนสัด ส่วนตอนกลางเนื้อที่ 2 ไร่ 3 งานเศษราคา 3,000 บาท โจทก์จำเลยครอบครองเป็นเจ้าของร่วมกันตลอดมานาน36 ปีแล้ว จำเลยกลับรบกวนการใช้สิทธิครอบครองของโจทก์และท้าทายให้โจทก์ฟ้องร้อง โจทก์จึงขอแบ่งครึ่งหนึ่ง
จำเลยให้การว่า โจทก์จำเลยได้แบ่งที่ดินกันครอบครองเป็นส่วนสัดมานานกว่า 10 ปีแล้ว จำเลยได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองและคดีขาดอายุความมรดก
ศาลชั้นต้นเชื่อว่าโจทก์จำเลยได้แบ่งกันครอบครองเป็นส่วนสัดมาเกินกว่า 10 ปีแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์จำเลยได้ครอบครองที่ดินเป็นส่วนสัดเกิน 10 ปี ดังจำเลยนำสืบ โจทก์จึงได้กรรมสิทธิ์และมีสิทธิขอแบ่งส่วนของโจทก์ได้ พิพากษาแก้ให้แบ่งที่ดินให้โจทก์นอกนั้นยืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งฎีกาโจทก์ว่าเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงแต่คดีนี้โจทก์ขอแบ่งครึ่งหนึ่ง เนื้อที่ 1 ไร่ 1 งานเศษ ศาลชั้นต้นยกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินเพียง1 งานเศษ เป็นแก้ไขมาก โจทก์ในข้อเท็จจริงได้ จึงรับฎีกาโจทก์
ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลอุทธรณ์ก็ได้พิจารณาฟังข้อเท็จจริงสมดังข้อต่อสู้ของจำเลยทุกประการเช่นเดียวกับศาลชั้นต้น แต่ได้พิพากษาให้แบ่งให้แก่โจทก์จำเลยไปตามข้อเท็จจริงที่ฟังได้ดังที่จำเลยต่อสู้นั้นเอง ฉะนั้น คำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงเป็นแต่เพียงแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นเพียงเล็กน้อย ฎีกาของโจทก์จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 พิพากษายกฎีกาโจทก์