โจทก์ทั้งสามสำนวนฟ้องว่า ใบชาและชาผงที่โจทก์จำหน่ายไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ชงดื่มตามบัญชีที่ ๑ หมวด ๑ (๓)  ท้ายพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ๒๑) พ.ศ.๒๕๐๙  ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นและลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ๔๓) พ.ศ.๒๕๑๖  แต่เจ้าพนักงานประเมินภาษีของจำเลยได้ประเมินเรียกเก็บภาษีการค้าสำหรับการจำหน่ายใบชาดังกล่าว  จึงขอให้ยกเลิกคำสั่งของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์
จำเลยให้การว่า  ใบชาและชาผงที่โจทก์จำหน่ายเป็นผลิตภัณฑ์ชงดื่ม  ซึ่งโจทก์ผู้ผลิตต้องเสียภาษีการค้าร้อยละ ๗ ของรายรับ  การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ชอบแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลรัษฎากร ผู้ประกอบการค้าตามที่ระบุในบัญชีอัตราภาษีการค้า มีหน้าที่เสียภาษีการค้าจากรายรับของทุกเดือนภาษี  ตามอัตราในบัญชีอัตราภาษีการค้าดังกล่าว  เว้นแต่จะมีการลดอัตราหรือยกเว้นโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรหรือกฎหมายอื่น  ตามปัญหาดังกล่าว  มีพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นและลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ๔๓) พ.ศ.๒๕๑๖ มาตรา ๓  ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับในขณะนั้น บัญญัติว่า "ให้ยกเว้นภาษีการค้าสำหรับสินค้าตามประเภทการค้า ๑ ชนิด ๑ (ก)  ของบัญชีอัตราภาษีการค้าท้ายหมวด ๔ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากร ฯลฯ  เฉพาะที่มิได้ระบุในบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ๒๑) พ.ศ.๒๕๐๙ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกานี้  ทั้งนี้ เฉพาะที่ผลิตในราชอาณาจักร" และตามบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว ระบุ "ผลิตภัณฑ์ชงดื่ม" ไว้ในบัญชีที่ ๑ หมวด ๑ อาหาร เครื่องดื่ม (๓)  ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเมื่อโจทก์เก็บใบชามาจากต้น แล้วได้นำไปผึ่งลม คั่ว นวดและอบตามลำดับ  แล้วจึงนำไปคัดเลือกแยกออกเป็นใบชาชนิดอ่อน  ใบชาชนิดแก่และก้านชา  สำหรับใบชาชนิดอ่อนนั้น โจทก์นำไปขายแก่องค์การคลังสินค้า  ส่วนใบชาชนิดแก่และก้านชานั้นโจทก์นำไปคั่วและบดให้เป็นผง เรียกว่า ชาผง  เสร็จแล้วจึงนำไปจำหน่ายให้แก่องค์การคลังสินค้า  ใบชาและชาผงรายพิพาทที่โจทก์จำหน่ายแก่องค์การคลังสินค้านี้ผู้ซื้อที่ซื้อไปจากองค์การคลังสินค้าใช้ชงดื่มได้ทันที แต่ไม่เป็นที่นิยมกัน เพราะรสชาติไม่เป็นที่นิยมและความสะอาดไม่ดีนัก  เห็นได้ว่าใบชาและชาผงรายพิพาท ถือได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ชงดื่ม  ตามบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวแล้ว  เพราะอยู่ในสภาพที่ใช้ชงและนำน้ำที่ชงนั้นมาดื่มหรือบริโภคได้แล้ว  หาจำเป็นต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้ผ่านกรรมวิธีต่าง ๆ ทุกขั้นตอนมาโดยสมบูรณ์จนสามารถนำไปบริโภคได้ทันที จึงจะถือว่า เป็นผลิตภัณฑ์ชงดื่ม  ดังข้อฎีกาของโจทก์ไม่  ตามที่คู่ความแถลงรับกันมาว่า  ผู้ซื้อใบชาจากองค์การคลังสินค้า จะนำใบชาไปคัดเลือกแยกเป็นชนิดดีหรือไม่ดี ใบชาชนิดดีจะนำไปอบอีกแล้วผสมกับใบชาต่างประเทศออกจำหน่าย ส่วนใบชนิดไม่ดีจะเอาไปบดและคั่วแล้วผสมสีและหัวเชื้อจำหน่ายเป็นชาผง  ส่วนชาผงที่ผู้ซื้อซื้อไปจากองค์การคลังสินค้าจะนำไปคั่วหรืออบเสร็จแล้วแล้วผสมสีและหัวเชื้อแล้วจำหน่ายทันที  หรือผสมชาผงต่างประเทศออกจำหน่าย  เห็นว่า ที่ผู้ซื้อนำใบชาและชาผงไปปรุงแต่งกลิ่น สี รสชาตินั้นก็เพื่อให้เป็นที่นิยมของผู้บริโภคและมีราคาจำหน่ายสูงขึ้น  ดังศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาชอบแล้ว หาใช่ว่ากรรมวิธีที่ผู้ซื้อจัดทำในชั้นหลังนี้ เพิ่งทำให้ใบชาและชาผงที่โจทก์ขายมานั้นเป็นผลิตภัณฑ์ชงดื่ม ดังข้อฎีกาของโจทก์ไม่  ศาลฎีกาเห็นว่าใบชาและชาผงรายพิพาทที่โจทก์ขายให้แก่องค์การคลังสินค้านั้น อยู่ในสภาพของผลิตภัณฑ์ชงดื่ม  ตามบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวแล้ว  โจทก์จึงไม่ได้รับยกเว้นภาษีการค้าคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน