โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนไม่มีเครื่องหมายเลขทะเบียน๑ กระบอก กระสุน ๑ นัดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนจำเลยได้ใช้มีดโต้ของนายหงษ์ พาชีฟันนายหงษ์ พาชีถูกศีรษะ ๑ ที และใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงนายหงษ์ พาชี อีก ๑ ทีถูกที่ท้องโดยเจตนาจะฆ่าให้ตาย แต่แพทย์รักษาไว้ทันท่วงทีนายหงษ์ พาชี จึงไม่ตายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘, ๘๐, ๙๑ พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา ๗, ๗๒แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ ๔ มาตรา ๓ ริบปืนและปลอกกระสุนปืนของกลางส่วนมีดของกลางคืนเจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย ๑๒ ปี ปืนและปลอกกระสุนปืนของกลางให้ริบ มีดของกลางคืนเจ้าของ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยใช้มีดฟันและใช้ปืนยิงผู้เสียหายเพื่อป้องกันตัว แต่การที่จำเลยใช้ปืนยิงเป็นการกระทำเกินกว่ากรณีจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน ปืนและกระสุนปืนของกลางเป็นของผู้เสียหายพิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลย ๒ ปี และให้รอการลงโทษไว้ ๓ ปียกฟ้องเฉพาะข้อหาฐานมีปืนและกระสุนปืนของกลาง นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาว่า การที่จำเลยยิงไม่เป็นการป้องกันตัว ปืนและกระสุนเป็นของจำเลยขอให้ลงโทษตามฟ้อง จำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ก่อนที่ผู้เสียหายจะถูกกระสุนปืนจำเลยเป็นฝ่ายแย่งมีดได้จากผู้เสียหาย แล้วใช้มีดนั้นฟันผู้เสียหายเพื่อป้องกันตัว ผู้เสียหายควักปืนออกมาภายหลังที่จำเลยฟันผู้เสียหายและทิ้งมีดไปแล้ว จำเลยจึงต้องเข้าแย่งปืนจากผู้เสียหายอีกเป็นเหตุให้ปืนลั่นขึ้นในทันที การที่ผู้เสียหายควักปืนออกมายิงจำเลย ปืนและปลอกกระสุนปืนของกลางจึงเป็นของผู้เสียหาย และการที่ปืนลั่นขึ้นในขณะจำเลยกับผู้เสียหายแย่งปืนกัน ไม่ใช่เป็นเรื่องจำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหาย จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานใช้ปืนยิงผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่าดังที่โจทก์ฎีกา ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยมานั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา
พิพากษาแก้เป็นให้ยกฟ้อง ปืนและกระสุนปืนของกลางคงให้ริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒ มีดของกลางคืนเจ้าของ