โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 4, 5, 6, 7, 47, 48, 73, 74, 74 จัตวา ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 ริบของกลาง จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับตามกฎหมาย และนับโทษของจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1521/2561 ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ไม้ของกลางให้คืนแก่เจ้าของ คำขออื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 แผนกคดีสิ่งแวดล้อมพิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 48 วรรคหนึ่ง, 73 วรรคหนึ่ง จำคุก 6 เดือน ริบของกลาง และนับโทษจำคุกของจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1521/2561 ของศาลชั้นต้น ยกคำขอที่ให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ไม้ประดู่ในป่าเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ลำดับที่ 87 ตามที่ระบุไว้ในบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ.2530 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรได้ออกประกาศกระทรวงเกษตร เรื่อง กำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 ให้กำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตลอดเขตท้องที่จังหวัดทุกจังหวัด และพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ปิดประกาศดังกล่าว ณ ที่ว่าการอำเภอ ที่ทำการกำนัน ที่ทำการองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นและที่ทำการผู้ใหญ่บ้านในท้องที่ที่เกิดเหตุให้ทราบทั่วกันแล้ว ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง นายศิริพงษ์ เจ้าหน้าที่ป่าไม้หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ลป. 19 (แม่โป่ง) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภองาว ทหารและเจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรงาวทำการตรวจยึดไม้ประดู่แปรรูป 16 แผ่น/เหลี่ยม ปริมาตร 0.83 ลูกบาศก์เมตร เป็นของกลาง นายศิริพงษ์ได้ร้องทุกข์ต่อร้อยตำรวจเอกพิเชษฐ์ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรงาว และจากการสอบสวนทราบว่า จำเลยเป็นเจ้าของไม้ประดู่แปรรูปของกลาง จึงแจ้งข้อกล่าวหาแก่จำเลยว่า มีไม้หวงห้ามแปรรูปปริมาตรเกินกว่า 0.20 ลูกบาศก์เมตร ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยรับว่าเป็นเจ้าของไม้ประดู่แปรรูปของกลางโดยซื้อมาจากร้อยตำรวจโทราเชนทร์ เป็นไม้ซึ่งขึ้นในที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายที่ดินไม้ประดู่แปรรูปของกลางจึงมิใช่ไม้หวงห้าม
ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยมีความผิดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5 หรือไม่ เห็นว่า ข้ออ้างตามที่จำเลยยกขึ้นฎีกามาดังกล่าวเป็นการยกข้อกล่าวอ้างที่อยู่ในความรู้เห็นของจำเลยโดยเฉพาะ จำเลยจึงมีภาระการพิสูจน์ เมื่อพยานหลักฐานของจำเลยที่นำสืบมาเป็นพิรุธ ไม่มีน้ำหนักให้รับฟังเป็นจริงได้ เมื่อพิจารณาประกอบการนำไม้ประดู่แปรรูปของกลางไปส่งในที่เกิดเหตุเวลา 2 นาฬิกา อันเป็นเวลายามวิกาล จึงเป็นการกระทำในลักษณะปกปิดเพราะเกรงจะมีผู้มาพบเห็น หากเป็นไม้ประดู่แปรรูปที่ชอบด้วยกฎหมายแล้วก็ไม่มีเหตุจะต้องปกปิดการกระทำเช่นนั้น พยานหลักฐานของจำเลยที่นำสืบมาไม่มีน้ำหนักให้รับฟังว่าไม้ประดู่แปรรูปของกลางเป็นไม้ที่ได้มาจากที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองโดยชอบตามประมวลกฎหมายที่ดิน ไม้ประดู่แปรรูปของกลางจึงเป็นไม้หวงห้าม เมื่อจำเลยมีไว้ในครอบครองปริมาตรเกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตร การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาลงโทษจำเลยมานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน