โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่า รถพยาบาล 2 คัน หมายเลขทะเบียน ก - 3558 สุโขทัย และ กข - 3457 สุโขทัย ของโจทก์ เป็นรถพยาบาลไม่รับจ้างทั่วไปตามมาตรา 9 (2) ที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมและค่าภาษีประจำปีรถยนต์ตามมาตรา 30 และเพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่ให้โจทก์ชำระค่าธรรมเนียมและค่าภาษีประจำปีให้ถูกต้องครบถ้วนรวมเป็นเงิน 220,417.92 บาท
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความ 8,000 บาท
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเป็นยุติโดยโจทก์และจำเลยมิได้อุทธรณ์โต้แย้งว่า โจทก์ประกอบกิจการโรงพยาบาลเอกชนภายใต้ชื่อว่า โรงพยาบาลพัฒนเวชสุโขทัย โดยได้รับบัตรส่งเสริมจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2538 โจทก์ยื่นขอจดทะเบียนรถพยาบาล จำเลยพิจารณาแล้วเห็นว่ารถดังกล่าวเป็นรถพยาบาล ไม่ได้ใช้รับจ้างขนส่งทั่วไป จึงให้จดทะเบียนรถประเภทรถพยาบาล หมายเลขทะเบียน ก - 3558 สุโขทัย โดยยกเว้นค่าธรรมเนียมและค่าภาษีประจำปี ตามบันทึกข้อความ วันที่ 24 กันยายน 2544 โจทก์ยื่นขอจดทะเบียนรถพยาบาลอีกคันหนึ่ง ซึ่งได้รับการจดทะเบียนเป็นรถพยาบาล หมายเลขทะเบียน กข - 3457 สุโขทัย โดยยกเว้นค่าธรรมเนียมและค่าภาษีประจำปีเช่นเดียวกัน ต่อมาวันที่ 22 กันยายน 2551 โจทก์ขอยกเว้นการเสียภาษีรถคันหมายเลขทะเบียน กข - 3457 สุโขทัย จำเลยมีหนังสือหารือกรมการขนส่งทางบกแล้วได้รับแจ้งผลการพิจารณาว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลที่ประกอบกิจการสถานพยาบาลในลักษณะทางการค้าหรือแสวงหากำไรและใช้รถพยาบาลเพื่อให้บริการลูกค้า จึงไม่เข้าข่ายเป็นรถพยาบาลตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 9 (2) ที่จะได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม และไม่ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียค่าภาษีประจำปีตามมาตรา 30 วันที่ 5 พฤศจิกายน 2551 จำเลยจึงมีหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบและชำระภาษีประจำปี วันที่ 24 พฤศจิกายน 2551 โจทก์อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว และ 73 จำเลยมีหนังสือแจ้งผลการพิจารณาอุทธรณ์ให้โจทก์ทราบว่า รถทั้งสองคันของโจทก์ไม่ใช่รถพยาบาลตามมาตรา 9 (2) ที่จะได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมและไม่ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีประจำปีตามมาตรา 30 ดังนั้น เจ้าของรถจึงมีหน้าที่เสียภาษีประจำปีให้ถูกต้องครบถ้วนตามมาตรา 32 ในอัตราภาษีประจำปีตามที่กำหนดไว้ท้ายพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 ตั้งแต่ปีที่รับจดทะเบียนจนถึงปีปัจจุบันโดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม เนื่องจากไม่ใช่กรณีมิได้เสียภาษีภายในเวลาที่กำหนด ทั้งนี้ การจัดเก็บภาษีคลาดเคลื่อนของเจ้าหน้าที่ไม่ได้เป็นเหตุให้เจ้าของรถยนต์หลุดพ้นจากภาระหน้าที่ในการเสียภาษีประจำปีตามกฎหมาย แต่โจทก์ยังไม่เห็นด้วย
ปัญหาตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า รถพยาบาลทั้งสองคันของโจทก์เป็นรถพยาบาลที่มิใช่เป็นรถสำหรับรับจ้าง ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 9 (2) อันจะได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมและค่าภาษีประจำปีรถยนต์หรือไม่ เห็นว่า จากบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ในการยกเว้นค่าธรรมเนียมและภาษีประจำปีแก่รถพยาบาลที่มิใช่เป็นรถสำหรับรับจ้างเท่านั้น ซึ่งรถพยาบาลที่มิใช่เป็นรถสำหรับรับจ้างหมายความถึงรถของสถานพยาบาลที่ใช้รับส่งผู้ป่วยในกรณีฉุกเฉิน หรือรถยนต์ขนาดใหญ่ที่มีแพทย์ พยาบาล และเวชภัณฑ์พร้อมสำหรับไปรักษาพยาบาลผู้ป่วยในท้องถิ่นต่าง ๆ คล้ายโรงพยาบาลเคลื่อนที่ แม้นายสุชาติ กรรมการผู้จัดการโจทก์เบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่า โจทก์เรียกเก็บค่าบริการรถพยาบาลของโจทก์ทั้งสองคันจากผู้ป่วย และเบิกความตอบทนายโจทก์ถามติงด้วยว่า กรณีรถพยาบาลของรัฐจะไม่มีการเสียค่าบริการก็ตาม แต่เพียงการเรียกเก็บค่าบริการหาทำให้การใช้รถพยาบาลของโจทก์เป็นการใช้รถพยาบาลสำหรับการรับจ้างไปโดยทันทีไม่ เนื่องจากโจทก์ย่อมต้องมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการจัดซื้อรถพยาบาลมาใช้ในการรับส่งผู้ป่วยจากที่แห่งหนึ่งไปยังอีกที่แห่งหนึ่ง ค่าบำรุงรักษา ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง พนักงานขับรถ เป็นต้น นอกจากนี้จำเลยไม่มีพยานหลักฐานใดมานำสืบหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ให้เห็นได้ว่า การเรียกเก็บค่าบริการรถพยาบาลของโจทก์ตามฟ้องมีลักษณะเป็นการแสวงหากำไรในเชิงพาณิชย์จากการใช้รถพยาบาลของโจทก์มากกว่าเป็นการช่วยเหลือผู้ป่วยหรือโจทก์นำรถพยาบาลดังกล่าวไปดำเนินกิจกรรมอย่างอื่นนอกเหนือจากใช้รับส่งผู้ป่วยในกรณีฉุกเฉิน จึงไม่อาจเป็นข้อแสดงให้เห็นได้ว่าโจทก์ได้ใช้รถพยาบาลสำหรับรับจ้าง พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาจึงมีน้ำหนักมากกว่าพยานหลักฐานของจำเลย ดังนั้น ข้อเท็จจริงจึงยังฟังไม่ได้ว่า รถพยาบาลทั้งสองคันของโจทก์เป็นรถพยาบาลสำหรับรับจ้างที่ไม่ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมและค่าภาษีประจำปีรถยนต์ตามความในมาตรา 9 (2) แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 ที่ศาลภาษีอากรกลางพิพากษามานั้น ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ในข้อนี้ฟังขึ้น เมื่อวินิจฉัยเช่นนี้แล้วอุทธรณ์ข้ออื่นของโจทก์จึงไม่จำต้องวินิจฉัย
พิพากษากลับ ให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่ให้โจทก์ชำระค่าธรรมเนียมและค่าภาษีประจำปีให้ถูกต้องครบถ้วนรวมเป็นเงิน 220,417.92 บาท ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ