โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แล้วจำเลยใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิง ว.และ ร.โดยเจตนาฆ่า ร.ถึงแก่ความตายแต่ ว.ไม่ถึงแก่ความตายเพราะมีผู้ขัดขวางจำเลยไว้ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80,288, 91 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 60 และ 90 ให้จำคุกตลอดชีวิต และมีความผิดฐานมีอาวุธปืนตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 อีกฐานหนึ่ง แต่เนื่องจากศาลพิพากษาลงโทษจำคุกตลอดชีวิตในฐานฆ่าผู้อื่นแล้ว จึงไม่อาจลงโทษในความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ อีกได้ คงให้จำคุกจำเลยตลอดชีวิตจำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลย 25 ปีข้อหาอื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าว.ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 อีกฐานหนึ่ง และเมื่อฟังว่าจำเลยมีความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้วก็ต้องกำหนดโทษไว้ด้วยให้จำคุก 2 ปี แต่เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิตแล้ว ก็ไม่อาจนำโทษในความผิดฐานอื่นมารวมลงแก่จำเลยอีกได้ เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ที่แก้ไขแล้วพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 อีกบทหนึ่ง แต่ให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 60 ซึ่งเป็นบทหนัก ตามมาตรา 90 ส่วนกำหนดโทษและนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า การที่ศาลอุทธรณ์ไม่นำเอาโทษในความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มารวมเข้ากับโทษในความผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่า เป็นการชอบด้วยมาตรา 91 แห่งประมวลกฎหมายอาญาหรือไม่พิเคราะห์แล้วประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526มาตรา 4 บัญญัติว่า 'เมื่อปรากฏว่าผู้ใดได้กระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ศาลลงโทษผู้นั้นทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป แต่ไม่ว่าจะมีการเพิ่มโทษลดโทษหรือลดมาตราส่วนโทษด้วยหรือไม่ก็ตาม เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว โทษจำคุกทั้งสิ้นต้องไม่เกินกำหนด ดังต่อไปนี้
...................
(3) ห้าสิบปี สำหรับกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินสิบปีขึ้นไป เว้นแต่กรณีที่ศาลลงโทษจำคุกตลอดชีวิต'
ตามบทบัญญัติที่แก้ไขใหม่นี้ ศาลจะลงโทษจำคุกจำเลยทุกกระทงรวมกันเกิน 50 ปีไม่ได้ เว้นแต่จะลงโทษจำคุกตลอดชีวิต คำว่า'เว้นแต่กรณีที่ศาลลงโทษจำคุกตลอดชีวิต' นั้น หมายความว่า หากกระทงใดกระทงหนึ่งมีโทษที่จะลงแก่จำเลยจริงๆ เป็นโทษจำคุกตลอดชีวิตแล้ว เมื่อนำเอาโทษจำคุกที่มีกำหนดเวลาในกระทงอื่นมารวมแล้ว ศาลคงลงโทษจำเลยได้เพียงจำคุกตลอดชีวิตเท่านั้น คดีนี้สำหรับความผิดกระทงแรกฐานฆ่าและพยายามฆ่า ศาลชั้นต้นวางโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิต แต่เมื่อได้ลดโทษให้จำเลยแล้ว คงเหลือโทษจำคุก 25 ปี จึงอยู่ในเกณฑ์ที่จะนำเอาโทษจำคุกในความผิดกระทงอื่นมารวมด้วยอีกได้ เพราะรวมทุกกระทงแล้วไม่เกิน 50 ปี ที่ศาลอุทธรณ์ไม่นำเอาโทษของจำเลยในความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มารวมลงแก่จำเลย จึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 อีกกระทงหนึ่ง ซึ่งศาลอุทธรณ์วางโทษจำคุก2 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี เมื่อรวมกับโทษในกระทงแรกที่ให้จำคุก 25 ปี รวมสองกระทงจึงเป็นจำคุกจำเลย 26 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.