โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80,91, 32, 33 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 3, 6, 7 พระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน(ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2522 มาตรา 5, 7 ริบปลอกกระสุนปืนของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 ที่แก้ไขแล้ว จำคุก 1 ปี ปรับ 6,000 บาทผิดตามมาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ ที่แก้ไขแล้วจำคุก 6 เดือน ปรับ 2,000บาท รวมจำคุก 1 ปี 6 เดือน และปรับ 8,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา29, 30 ริบปลอกกระสุนปืนของกลาง ข้อหาอื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำคุกจำเลยโดยไม่รอการลงโทษ และลงโทษในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นด้วย
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 72 วรรคหนึ่ง และมาตรา 72 ทวิ วรรคสองส่วนกำหนดโทษคงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยไม่ปรับและไม่รอการลงโทษ และจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80อีกกระทงหนึ่ง จำคุก 10 ปี เมื่อรวมกับโทษจำคุกตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ อีก 2 กระทงแล้วเป็นจำคุก 11 ปี 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "พิเคราะห์แล้ว...คดีคงมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยเพียงว่า จำเลยเป็นคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนลูกซองยาวยิงพยายามฆ่าผู้เสียหายหรือไม่ ปรากฏตามคำเบิกความของผู้เสียหายและนางประภา ษัฏเสน พยานโจทก์ว่า เมื่อได้ยินเสียงปืนผู้เสียหายหันไปดูเห็นจำเลยถืออาวุธปืนยาวอยู่ห่างผู้เสียหายประมาณ 6 เมตรผู้เสียหายวิ่งไปที่บ้านนางประภา ระหว่างนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้นทางด้านหลังอีก 1 นัด นางประภาเปิดประตูรับผู้เสียหาย ผู้เสียหายวิ่งเข้าไปในบ้าน จำเลยได้ตะโกนร้องอยู่ริมถนนว่า "อีวันมึงอย่าหนีคืนนี้กูสู้ตาย" และร้องอีกว่า "กลับไปยิงบ้านดีกว่าไม่มีคนแล้ว"ต่อมาได้ยินเสียงปืนดังอีก 2 นัด ทางบ้านผู้เสียหาย นอกจากนี้โจทก์ยังมีนางหนูวาด จินดาแก้ว ซึ่งมีบ้านอยู่คนละฝั่งถนนกับบ้านผู้เสียหายห่างบ้านผู้เสียหายประมาณ 2 ช่วงเสาไฟฟ้าเบิกความว่าได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัดทางบ้านผู้เสียหายมีเสียงผู้หญิงร้องต่อมาได้ยินเสียงปืนอีก 2 นัด และมีเสียงผู้ชายมาร้องตะโกนที่หน้าบ้านเรียกสามีพยาน พยานจำได้ว่าเป็นเสียงของจำเลย จึงเปิดประตูออกไปดู เห็นจำเลยเดินอยู่ที่ถนนหน้าบ้าน ร้อยตำรวจตรีประสิทธิ์เพ็งพา พนักงานสอบสวนผู้ตรวจสถานที่เกิดเหตุก็เบิกความว่า ที่หน้าบ้านของผู้เสียหาย หน้าบ้านของนางหนูวาด และหน้าบ้านของญาติจำเลยมีแสงสว่างจากไฟนีออน พยานโจทก์เหล่านี้อยู่หมู่บ้านเดียวกับจำเลย รู้จักจำเลยมานานแล้ว จึงเชื่อได้ว่าพยานโจทก์ได้เห็นและจำจำเลยได้จริง มีปัญหาวินิจฉัยต่อไปว่าการที่จำเลยใช้อาวุธปืนลูกซองยาวยิงผู้เสียหายเป็นการพยายามฆ่าผู้เสียหายหรือไม่ ปรากฏตามคำเบิกความของผู้เสียหายว่า เมื่อจะไขกุญแจเข้าบ้านผู้เสียหายได้ถอยหลังออกมา 1 ก้าว เพื่อให้แสงไฟส่องเห็นลูกกุญแจ และเป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงปืนดังขึ้น 1 นัด แต่ไม่ถูกผู้เสียหาย จากการตรวจสถานที่เกิดเหตุของสิบตำรวจเอกชาลี แก้วแกมทอง และร้อยตำรวจตรีประสิทธิ์ เพ็งพา พบรูกระสุนปืนลูกซองที่ประตูหน้าบ้าน 9 รู ที่ฝาปูนซีเมนต์ข้างประตู 8 รู ที่เพดานชั้นล่างหน้าประตู 4 รู ที่ฝากระดานชั้นที่สองตรงห้องนอนของผู้เสียหาย 9 รู รูกระสุนปืนที่บ้านชั้นล่างสูงจากพื้นดินระดับหน้าอก และกระสุนปืนได้ทะลุเข้าไปในบ้านถูกตู้กระจกซึ่งอยู่ตรงข้ามประตูแตก เห็นได้ว่าการที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงไปทางผู้เสียหายขณะที่ผู้เสียหายกำลังไขกุญแจบ้าน แต่เป็นจังหวะเดียวกับที่ผู้เสียหายถอยหลังออกมาเพื่อให้แสงสว่างส่องให้เห็นรูกุญแจ กระสุนปืนจึงไม่ถูกผู้เสียหาย หาใช่เพราะจำเลยไม่มีเจตนายิงผู้เสียหายไม่ เมื่อผู้เสียหายวิ่งหนีไปที่บ้านนางประภาจำเลยยังยิงปืนมาอีก 1 นัด และตามไปร้องตะโกนด่าท้าทายอยู่ที่หน้าบ้านนางประภา ย้ำให้เห็นเจตนาของจำเลยว่าประสงค์จะยิงผู้เสียหายมิใช่เป็นการร้องขู่ แม้อาวุธปืนที่จำเลยใช้ยิงเป็นปืนลูกซองยาวแต่โอกาสที่จะยิงพลาดก็ย่อมมิได้ เพราะจำเลยอาจยิงปืนไม่แม่นและไม่มีความชำนาญในการใช้อาวุธปืน ประกอบกับเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ผู้เสียหายถอยหลังเพื่อให้เห็นลูกกุญแจที่จะไข มิใช่ว่าถ้าเป็นปืนลูกซองแล้วจะต้องยิงถูกเสมอไป ข้อเท็จจริงได้ความดังกล่าวจึงเชื่อได้ว่าจำเลยได้ใช้อาวุธปืนลูกซองยาวยิงผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่าจริงตามที่โจทก์ฟ้อง พยานของจำเลยที่อ้างฐานที่อยู่นั้นไม่อาจจะฟังหักล้างพยานโจทก์ได้..."
พิพากษายืน.