โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกได้ร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงพันตำรวจตรีชัชวาลย์กับพวกซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจกระทำการตามหน้าที่เข้าจับกุมจำเลยตามหมายจับและตรวจค้นบ้านจำเลยตามหมายค้น กระสุนปืนถูกพลตำรวจทวีถึงแก่ความตายในขณะกระทำการตามหน้าที่ ขอให้ลงโทษ
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(2) ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 3
จำเลยที่ 1 ที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า แม้พันตำรวจตรีชัชวาลย์เชี่ยวเวช กับพวกจะเป็นเจ้าพนักงานและออกมาปฏิบัติงานตามหน้าที่เพื่อจับกุมและตรวจค้นบ้านจำเลยที่ 1 ด้วยเหตุอันสมควรและมีหมายค้นตามเอกสารหมาย จ.2 แต่พันตำรวจตรีชัชวาลย์ กับพวกได้ไปล้อมบ้านจำเลยที่ 1 และขอตรวจค้นในเวลากลางคืนตามที่ได้วินิจฉัยมาแล้วซึ่งทำไม่ได้เพราะขัดกับบทบัญญัติในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 66 พันตำรวจตรีชัชวาลย์กับพวกจึงไม่ได้รับความคุ้มครองและมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย
ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน และพันตำรวจตรีชัชวาลย์กับพวกก็เข้าล้อมบ้านจำเลยที่ 1 ไว้แล้ว จึงมีเหตุเพียงพอที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 จะคิดว่าเป็นพวกคนร้ายและกระทำการใด ๆ เพื่อป้องกันสิทธิของตนได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 แต่ที่จำเลยทั้งสองนำสืบว่า พันตำรวจตรีชัชวาลย์กับพวกเป็นฝ่ายลงมือยิงก่อน ก็เชื่อไม่ได้เพราะพวกจำเลยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บถูกกระสุนปืนเลย ทั้ง ๆ ที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่มในบ้านนั้น รูปคดีเป็นเรื่องที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้ใช้อาวุธปืนยิงก่อนโดยไม่ดูให้ดีเสียก่อนว่าพวกที่ล้อมบ้านอยู่เป็นคนร้ายจริงหรือไม่ จึงเป็นการใช้สิทธิป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ซึ่งมีผลให้พลตำรวจทวี ณ นคร ถึงแก่ความตาย แต่ไม่ถือว่าผู้ตายเป็นเจ้าพนักงานตามที่ได้วินิจฉัยมาแล้วในตอนต้น แต่จำเลยที่ 1ที่ 2 คงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 69 เท่านั้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 69