โจทก์ฟ้องว่า  โจทก์ได้จ้างจำเลยที่ ๑ ขนส่งกุ้งแช่เย็นของโจทก์จากจังหวัดตราด  ไปลงเรือที่ท่าสัตหีบ  จำเลยที่ ๑ ได้ว่าจ้างจำเลยที่ ๒ ให้ลากจูงและขนส่งอีกทอดหนึ่ง  โดยให้จำเลยที่ ๒ นำรถมาลากจูงรถตู้แช่เย็นไปยังสถานที่ดังกล่าว  พนักงานขับรถวิทยุและรถลากจูงของจำเลยที่ ๒ ขณะทำการตามที่จ้างได้ลักลอบเอากุ้งแช่เย็นของโจทก์ไป  โจทก์เสียหาย  ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหาย ๑,๗๑๐,๙๖๗.๐๕ บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า  สินค้าหายในระหว่างความครอบครองรับผิดของจำเลยที่ ๒  จำเลยที่ ๑ ไม่ต้องรับผิด  โจทก์ส่งมอบสินค้าให้แก่จำเลยที่ ๒   โดยตรงจึงไม่ต้องรับผิด  จำเลยที่ ๑ รับขนส่งเฉพาะส่วนทางทะเลจากท่าเรือสัตหีบไปส่งยังท่าเรือต่างประเทศ  โจทก์มิได้เสียหายจริงตามฟ้อง  และฟ้องเคลือบคลุม
จำเลยที่ ๒  ให้การว่า  จำเลยที่ ๒ ไม่เคยมีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ จำเลยที่ ๑ ว่าจ้างจำเลยที่ ๒ ขนสินค้ากุ้งสดแช่เย็นจากจังหวัดตราดไปยังท่าเรือสัตหีบ  จำเลยที่ ๒ มีหน้าที่ลากตู้บรรทุกหีบตรึงปิดผนึก  ไม่ทราบรายละเอียดสิ่งของภายในตู้  และทำในความควบคุมของจำเลยที่ ๑  จำนวนกุ้งที่สุญหายไม่จริงตามคำฟ้อง  และฟ้องเคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน ๑,๗๑๐,๙๖๗.๐๕ บาท  พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปี  นับแต่วันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๑๗ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเงินเสร็จให้โจทก์  กับให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ ๑๐,๐๐๐ บาท  เฉพาะค่าขึ้นศาลให้จำเลยใช้แทนเท่าทุนทรัพย์โจทก์ชนะคดี คำขอนอกนี้ให้ยกเสีย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะจำเลยที่ ๒ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า  ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า  จำเลยที่ ๑ เป็นผู้รับขนทางทะเล  โจทก์จ้างจำเลยที่ ๑ ขนส่งกุ้งแช่เย็นจากจังหวัดตราดไปต่างประเทศในการขนส่งกุ้งดังกล่าว  จำเลยที่ ๒ ได้นำรถตู้ลำเลียงซึ่งเรียกว่าคอนเทนเนอร์ ๓ คันมาที่จังหวัดตราด  เมื่อบรรจุกุ้งลงในรถตู้ลำเลียงเสร็จ จำเลยที่ ๒ ใช้รถลากจูงรถตู้ลำเลียงจากจังหวัดตราดไปยังท่าเรือสัตหีบ  ปรากฏว่ากุ้งของโจทก์ในรถตู้ลำเลียง ๒ ค้นหายไปบางส่วน  โจทก์นำสืบได้ความว่าการบรรทุกกุ้งนั้นเมื่อบรรจุกุ้งลงในรถตู้ลำเลียงแต่ละคันเสร็จแล้ว  เจ้าพนักงานศุลกากรจะปิดประตูรถตู้ลำเลียง ใช้ลวดของกรมศุลกากรคล้องไว้และใช้เครื่องมือบีบตราตะกั่วให้ติดกับลวด  เจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ ๑ ก็จะเอาแผ่นโลหะมาปิดผนึกรถตู้ลำเลียงและประทับตราของจำเลยที่ ๑ ไว้  เช่นเดียวกับ  อนึ่ง  การที่จำเลยที่ ๒ ลากจูงรถตู้ลำเลียงจากจังหวัดตราดไปยังท่าเรือสัตหีบนั้น  โจทก์นำสืบว่า  จำเลยที่ ๑ ได้ว่าจ้างจำเลยที่ ๒ ให้จัดการ  จำเลยทั้งสองนำสืบว่าจำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๒ มีสัญญาขอส่งระหว่างกัน  โดยจำเลยที่ ๒ มีหน้าที่ลากจูงรถตู้ลำเลียงจากจุดที่บรรทุกของใส่รถตู้ลำเลียงไปยังท่าเรือสัตหีบ  นายดับบลิว.แอล.โปรชาสก้ากรรมการผู้จัดการจำเลยที่ ๑ เบิกความว่าลูกค้าจะไปจ้างผู้รบขนทางบกรายอื่นที่มิใช่จำเลยที่ ๒ นำสินค้ามาให้จำเลยที่ ๑ ไม่ได้  เพราะจำเลยที่ ๑ มีสัญญากับจำเลยที่ ๒ และจำเลยที่ ๒ มีสิทธิผูกขาดในการขนส่งสินค้าจากที่บรรทุกสินค้ามายังท่าเรือ  นายฉลองพยานจำเลยที่ ๑ เบิกความว่าการมอบตู้ (รถตู้ลำเลียง)  ให้ลูกค้าหรือจำเลยที่ ๒ รับไปนั้น  จำเลยที่  ๑  จะทำหนังสือสำคัญให้เป็นแบบพิมพ์ของทหารสหรัฐอเมริกา  จำเลยที่ ๑ เป็นผู้กรอกรายการแล้วนำไปให้ทหารสหรัฐอเมริกาเซ็นอนุญาตให้นำตู้ออกจากบริเวณท่าเรือได้  เป็นอันฟังได้ว่าโจทก์ได้ตกลงให้จำเลยที่ ๑ เป็นผู้ขนส่งกุ้งแช่เย็นของโจทก์จากที่ทำการของโจทก์ที่จังหวัดตราดไปยังท่าเรือสัตหีบเพื่อนำลงเรือส่งไปต่างประเทศ  ในการขนส่งดังกล่าวจำเลยที่ ๑ ได้ให้จำเลยที่ ๒ นำรถมาลากจูงรถตู้ลำเลียงจากท่าเรือสัตหีบไปยังที่ทำการของโจทก์ที่จังหวัดตราดเพื่อบรรทุกกุ้งแล้วลากจูงกลับมาที่ท่าเรือสัตหีบไปยังที่ทำการของโจทก์ที่จังหวัดตราดเพื่อบรรทุกกุ้งแล้วลากจูงกลับมาที่ท่าเรือสัตหีบ  เห็นได้ว่าการตกลงรับขนของดังกล่าวเป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑ เท่านั้น  การที่จำเลยที่ ๑ ให้จำเลยที่ ๒ นำรถตู้ลำเลียงของจำเลยที่ ๑ ไปบรรทุกกุ้งของโจทก์มายังท่าเรือสัตหีบเป็นเรื่องระหว่างจำเลยที่ ๑ กับจำเลยที่ ๒ แม้จำเลยที่ ๒ จะเป็นผู้รับค่าจ้างเฉพาะส่วนของจำเลยที่ ๒ จากโจทก์โดยตรงก็ปรากฏจากคำเบิกความของนายปรารภพยานจำเลยที่ ๒ ว่าเดิมจำเลยที่ ๑ เรียกเก็บค่าลากจูงให้จำเลยที่ ๒  แต่ต่อมาเกี่ยงให้จำเลยที่ ๒ เรียกเก็บเอง  ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากเกรงต้องเสียภาษีอีกทอดหนึ่ง  การติดต่อลากจูงจำเลยที่ ๒ จะกำหนดอัตราขึ้นและเสนอให้จำเลยที่ ๑ ทราบเพื่อให้จำเลยที่ ๑ นำไปเสนอเป็นค่าบริการ  เมื่อมีการตกลงลากจูงกันแล้ว  จำเลยที่ ๒ จะได้แต่ค่าลากจูงเท่านั้น  เรื่องการเสนอค่าบริการขนส่งทั้งหมดเป็นของจำเลยที่ ๑ กระทำ  แสดงว่าในการตกลงรับขนของนั้น  โจทก์ทำความตกลงกับจำเลยที่ ๑ แล้วจำเลยที่ ๑ จึงให้จำเลยที่ ๒ ทำการลากจูงรถตู้ลำเลียง  การให้จำเลยที่ ๒ เก็บค่าระวางพาหนะส่วนของจำเลยที่ ๒ จากโจทก์โดยตรงเป็นเพียงวิธีการทางธุรกิจระหว่างจำเลยที่ ๑ กับจำเลยที่ ๒ หาทำให้ความรับผิดของจำเลยที่ ๑ อันมีต่อโจทก์เปลี่ยนแปลงไปไม่  ที่จำเลยที่ ๑ อ้างว่าจำเลยที่ ๑ เป็นสาขาของบริษัทต่างประเทศเป็นคนต่างด้าวจะทำการรับขนส่งสินค้าทางบกไม่ได้  เพราะต้องห้ามตามประกาศของคณะปฏิบัติฉบับที่ ๒๘๑ นั้นก็หาเป็นเหตุให้จำเลยที่ ๑ พ้นความรับผิดไม่  เพราะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๖๑๗  ผู้ขนส่งจะต้องรับผิดในการที่ของสูญหายหรือบุบสลายหรือส่งชักช้าอันเกิดแต่ความผิดของผู้ขนส่งคนอื่นหรือบุคคลอื่นซึ่งตนหากได้มอบหมามยของนั้นไปอีกทอดหนึ่ง  ฉะนั้นแม้จำเลยที่ ๑ จะเป็นผู้ขนส่งทางทะเล การที่จำเลยที่ ๑ รับขนส่งทางทะเลแล้วมอบหมายให้จำเลยที่ ๒ ไปนำของที่รับขนจากที่ทำการของโจทก์ที่จังหวัดตราดมายังท่าเรือสัตหีบย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ ๑ ได้มอบหมายให้จำเลยที่ ๒ นำของที่จำเลยที่ ๑ รับขนมายังท่าเรืออันเป็นส่วนหนึ่งของการที่จะให้ธุรกิจของจำเลยที่ ๑ ในการรับขนของลุล่วงเป็นผลสำเร็จอยู่ในความหมายของกฎหมายดังกล่าว  เมื่อของที่รับขนสูญหายไป  จำเลยที่ ๑ ต้องรับผิด
ต่อไปจะได้วินิจฉัยฎีกาของโจทก์ที่ขอให้จำเลยที่ ๒ ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑
จำเลยที่ ๒ นำสืบว่า  จำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๒ มีสัญญารับขนส่งสินค้าระหว่างกัน  โดยจำเลยที่ ๒ มีหน้าที่ลากจูงตู้บรรจุสินค้าซึ่งเรียกว่าตู้คอนเทนเนอร์จากจุดที่จะบรรทุกสินค้าไปยังท่าเรือสัตหีบเพื่อส่งไปต่างประเทศ  จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ลากจูงสินค้าของโจทก์จากจังหวัดตราดมายังท่าเรือสัตหีบ  ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า  จำเลยที่ ๒ เป็นผู้รับขนสินค้าของโจทก์ด้วย  โดยรับขนส่งช่วงจากจำเลยที่ ๑  กรณีเช่นนี้ถือได้ว่าสินค้าของโจทก์ได้ส่งไปโดยมีผู้ขนส่งหลายคนหลายทอด ซึ่งผู้ขนส่งทั้งนั้นจะต้องร่วมกันรับผิดในการที่สินค้าของโจทก์สูญหายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  มาตรา ๖๑๘  จำเลยที่ ๒ จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์  ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น  ให้จำเลยที่ ๒ ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาแทนโจทก์  โดยกำหนดค่าทนายความให้ ๕,๐๐๐ บาท ให้จำเลยที่ ๑ ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกาแทนโจทก์ ๑๐,๐๐๐ บาท