ข้อเท็จจริงคดีนี้ได้ความว่าเมื่อขณะศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชลงจากบัลลังก์พิจารณาคดีซึ่งนายแสวงหงษ์ประภัศรเป็นจำเลย เรื่องฆ่าคนตายแล้ว ตำรวจกำลังจะคุมตัวจำเลยออกไป นายวัฒนาบุตรของจำเลยได้เดินเข้ามาในห้องพิจารณานั้น เข้ามาคนละประตูกับจำเลย ห่างกันราว ๑ ๑/๒ เมตร ตำรวจเห็นเสื้อนายวัฒนาดุงที่เอวจึงเรียกไปเปิดเสื้อดู พบปืนรีวอลเวอร์ขนาด ๑๑ ม.ม. ๑ กระบอกมีกระสุนบรรจุ ๖ นัด จึงคุมตัวเข้าไปรายงานผู้พิพากษา
นายวัฒนาว่าปืนกระบอกนั้นเป็นปืนของจำเลยผู้เป็นบิดา พกเอามาเพื่อป้องกันอันตรายให้แก่จำเลยผู้เป็นบิดาและนายสุภาษทนายผู้เป็นลุง เพราะฝ่ายผู้ตายในคดีนั้นมีพวกมากและอาฆาตไว้
ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชเห็นว่า เป็นการละเมิดอำนาจศาลตาม ป.วิ.พ.ม.๓๑(๑) จึงมีคำสั่งให้จำคุกนายวัฒนาตาม ม.๓๑(๑) และ ม.๓๓ มีกำหนด ๖ เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
นายวัฒนาฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่พกปืนบรรจุกระสุนพร้อมเข้าไปในศาลแม้จะอยู่ภายในเสื้อปกปิด ก็แสดงว่าไม่มีคารวะยำเกรงต่อศาล เป็นที่น่าหวาดเสียวแก่สาธารณะชนและอาจเกิดภยันตรายร้ายแรงในศาลได้ เป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลเป็นการละเมิดอำนาจศาล จึงพิพากษายืน