ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 100,000 บาทกับดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตั้งแต่วันเรียกเก็บเงินแก่โจทก์ จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า "ที่จำเลยนำสืบว่าเช็คพิพาทเป็นเรื่องประกันเล่นราคาทองคำเหมือนหมาย จ.1 จ.2 จึงไม่น่าเชื่อ ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยออกเช็คพิพาทเพื่อนำมาแลกเงินจากนายวิสิฐ พี่ชายโจทก์ ตามที่ศาลอาญาและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงในคดีอาญาที่โจทก์ฟ้อง จำเลยว่าจำเลยออกเป็นประกันการเล่นราคาทองคำไม่มีมูลหนี้ต่อกันพิพากษายกฟ้องโจทก์ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขแดงที่ 5421/2519 นั้นศาลฎีกาเห็นว่า คดีเรื่องเช็คเมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งคดีอาญาและคดีแพ่งศาลอาจฟังข้อเท็จจริงในคดีอาญาและคดีแพ่งแตกต่างกันได้แล้วแต่พยานหลักฐานแต่ละคดี เพราะมิใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา สำหรับคดีนี้ศาลฎีกาจึงไม่จำต้องฟังข้อเท็จจริงในคดีอาญาดังกล่าว ตามพยานหลักฐานของโจทก์เชื่อว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ หาใช่เพื่อประกันการเล่นราคาทองคำไม่ และที่ว่าโจทก์คบคิดกับนายวิสิฐพี่ชายของโจทก์ทำการฉ้อฉลจำเลยนั้นก็รับฟังไม่ได้
สำหรับปัญหาที่ว่าเมื่อนำเช็คไปเบิกเงินแล้ว โจทก์ได้ทวงถามจำเลยหรือไม่ เห็นว่า เมื่อวันสั่งจ่ายเช็คมีกำหนดแน่นอนและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินแล้ว โจทก์ก็มีสิทธิไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยผู้สั่งจ่ายได้โดยไม่จำเป็นต้องทวงถามอีก"
พิพากษายืน