คู่ความพิพาทกันเรื่องที่ดินขอบหนอง หนองนี้ทางราชการยอมให้เอกชนถือสิทธิได้ เจ้าของหนองได้ทำการจับปลาทุก ๆ ฤดูการจับปลามีกำหนด ๓ เดือนในปีหนึ่งจำเลยทั้งสามเป็นผู้รับมรดกหนองนี้ทำการจับปลาต่อมาทุก ๆ ปี
โจทก์เข้าแผ้วถางที่ดินเพื่อทำนาในอาณาเขตหนองนี้มาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๗๕ และทำนาแต่ในฤดูนาเท่านั้น นอกจากฤดูนาโจทก์มิได้เกี่ยวข้อง เจ้าของหนองคงใช้ที่พิพาทให้ผู้เช่าจับปลาทุกปีมิได้เว้น
เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๖ จำเลยนำเจ้าพนักงานรังวัดปักหลักเขตหนองเพื่อประกาศรับมรดกโจทก์จึงฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่พิพาท ขอให้ห้ามจำเลยมิให้เกี่ยวข้อง
จำเลยให้การว่าหนองพิพาทเป็นของจำเลย
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ตัดสินว่าโจทก์ครอบครองที่พิพาท ๘-๙ ปีโดยเจ้ามรดกหรือจำเลยมิได้เข้าเกี่ยวข้องในลักษณะอันจะพึงถือได้ว่ายังคงหวงแหนที่พิพาทอยู่ โจทก์ย่อมมีสิทธิครอบครองในที่พิพาท พิพากษาห้ามมิให้จำเลยเข้าเกี่ยวข้อง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การปฏิบัติของฝ่ายจำเลยผู้เป็นเจ้าของหนองในการใช้ประโยชน์จาหนองในฤดูจับปลาดังกล่าวข้างต้นนั้น เป็นการใช้สิทธิครอบครองที่ขอบหนองของตนตามสภาพ ไม่จำต้องทำประโยชน์อื่นใดในที่นั้นอีก การที่โจทก์เข้าไปทำนาในที่พิพาทก็เข้าไปทำแต่เฉพาะที่เจ้าของหนองมิได้ใช้ที่พิพาททำการจับปลาไม่กระทบกระเทือนการใช้สิทธิของเจ้าของหนองประการใด เจ้าของหนองไม่จำต้องคัดค้านห้ามปราม และจะว่าเจ้าของหนองทอดทิ้งไม่ได้ เมื่อพฤติการณ์ของโจทก์เป็นเช่นนี้ จึงกล่าวไม่ได้ว่าโจทก์เข้าไปทำนาในที่พิพาทโดยเจตนาจะยึดถือเอาเป็นของตน โจทก์จึงไม่มีสิทธิครอบครอง จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง.