โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกซึ่งหลบหนีมีปืนติดตัวไปด้วยได้ร่วมกันลักกระบือซึ่งเป็นสัตว์มีไว้ประกอบกสิกรรม 3 ตัว ราคา 6,000 บาท ของนายน้อย อุลิต ผู้มีอาชีพกสิกรรม และลักเกวียนซึ่งเป็นเครื่องมือมีไว้สำหรับประกอบกสิกรรม 1 เล่ม ราคา 1,500 บาท ของนายหมง มาดี ผู้มีอาชีพกสิกรรมซึ่งอยู่ในความดูแลของนายน้อย อุลิต ไป ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ลักแก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า แม้นายน้อยผู้เสียหายบิดพลิ้วไม่ชำระหนี้ให้จำเลยก็ตาม จำเลยก็ไม่อาจจะถือสิทธินำเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไป การกระทำของจำเลยเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเอง เป็นการกระทำโดยทุจริต พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 จำคุกจำเลย 4 ปี มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้จำเลย 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี 8 เดือน ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์7,500 บาท แก่ผู้เสียหายด้วย
จำเลยอุทธรณ์ว่า นายน้อยค้างค่าเช่านา และค่าเช่ากระบือจำเลย เมื่อเก็บค่าเช่าไม่ได้ จำเลยจึงมายึดกระบือคืนไป แม้จะฟังว่ากระบือและเกวียนเป็นของผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยก็ไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า กระบือเป็นของนายน้อย เกวียนเป็นของนายหมงผู้เสียหาย นายน้อยผู้เสียหายเป็นหนี้ค่าเช่านาจำเลยอยู่ 29,400 บาท จำเลยไปทวงหลายครั้งไม่ได้ การที่จำเลยไปยึดกระบือและเกวียนซึ่งจำเลยเข้าใจว่าเป็นของนายน้อยผู้เสียหาย โดยจำเลยเข้าใจผิดว่าจำเลยมีอำนาจยึดได้ การกระทำของจำเลยไม่มีเจตนาจะเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยทุจริต จึงไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ก่อนที่จำเลยจะไปยึดเอากระบือและเกวียนมานั้น นายน้อยผู้เสียหายได้เป็นลูกหนี้ค้างค่าเช่านาจำเลยอยู่ 29,400 บาท กระบือและเกวียนนี้เมื่อรวมกันคิดเป็นเงินราคา 7,500 บาท ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังว่า กระบือและเกวียนเป็นของผู้เสียหายทั้งสอง จำเลยมิได้ฎีกาคัดค้าน จึงฟังข้อเท็จจริงได้ว่ากระบือและเกวียนเป็นของผู้เสียหายทั้งสอง
ปัญหาว่า การที่จำเลยเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปดังกล่าวเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นการกระทำโดยทุจริตอันจะเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ตามฟ้องโจทก์หรือไม่ตามพฤติการณ์ที่ได้ความจากพยานโจทก์จะเห็นได้ว่า ที่จำเลยไปเอากระบือและเกวียนดังกล่าวนั้น แม้ความจริงเกวียนจะเป็นของนายหมงแต่ก็เชื่อได้ว่าจำเลยคงเข้าใจว่าเกวียนเป็นของนายน้อยผู้เสียหายและก่อนที่จำเลยจะไปเอากระบือและเกวียนที่บ้านนายน้อยผู้เสียหายมานั้น จำเลยก็ได้เปิดเผยเรื่องจะไปเอาทรัพย์ของผู้เสียหายมานี้ให้นายบุญยังผู้ใหญ่บ้านของจำเลยและผู้เสียหายทราบ และยังได้ขอร้องนายบุญยังไปเพื่อช่วยยึดทรัพย์ด้วย และก็ได้ไปเอาทรัพย์ดังกล่าวมาต่อหน้านายแบนผู้เฝ้าเรือนและเฝ้าทรัพย์นั้น จึงเห็นได้ว่าที่จำเลยไปเอาทรัพย์ของนายน้อยผู้เสียหายมานี้ ก็เพราะเหตุที่จำเลยทวงหนี้ที่ผู้เสียหายค้างอยู่ ผู้เสียหายไม่ชำระให้เห็นได้ว่าเจตนาของจำเลยที่ไปเอาทรัพย์ของผู้เสียหายมานั้น ก็เพื่อจะถือเอาทรัพย์ที่เอามาเป็นการใช้หนี้ที่ผู้เสียหายเป็นหนี้จำเลยอยู่เป็นการเอาทรัพย์ของผู้เสียหายมาเพื่อหักใช้หนี้กันและทรัพย์ที่เอามานั้นราคาก็ไม่เกินกว่าจำนวนหนี้ที่ผู้เสียหายเป็นหนี้จำเลยแม้การกระทำเช่นนี้จะเป็นการกระทำมิชอบด้วยการบังคับเพื่อชำระหนี้ก็ตาม แต่เจตนาของจำเลยที่ได้กระทำไปนั้น ส่อแสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยมิได้มีเจตนาร้ายหรือประสงค์ต่อผลที่จะเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับจำเลยโดยไม่มีเหตุผลเสียเลย ที่จำเลยได้กระทำไปนั้น เห็นได้ว่าจำเลยได้กระทำโดยมิได้รู้สำนึกว่า การที่จำเลยกระทำไปเช่นนั้นเป็นความผิด จำเลยคิดเข้าใจว่าจำเลยกระทำได้ เพื่อหักหนี้ที่ผู้เสียหายเป็นหนี้จำเลยอยู่ เมื่อเหตุผลเป็นเช่นนี้ การกระทำของจำเลยดังกล่าวมาจึงเป็นการเอาทรัพย์ของผู้เสียหายโดยไม่มีเจตนาทุจริตจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์ดังฟ้องโจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีมาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์