โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478มาตรา 4, 5, 6, 10, 12, 15 ริบของกลาง และจ่ายสินบนนำจับตามกฎหมาย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนันพ.ศ. 2478 มาตรา 4, 5, 6, 10, 12, 15 ลงโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ5,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน ปรับ 2,500 บาทโทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ให้จำเลยจ่ายสินบนนำจับกึ่งหนึ่งของค่าปรับ ริบของกลาง
โจทก์อุทธรณ์ขอไม่ให้รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งแล้วคงจำคุก 2 เดือน โดยไม่ปรับและไม่รอการลงโทษ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาโดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยเพียงประการเดียวว่า กรณีมีเหตุสมควรรอการลงโทษจำคุกจำเลยหรือไม่พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การพนันสลากกินรวบเป็นสิ่งที่มอมเมาประชาชนและเป็นอบายมุขที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่เศรษฐกิจของชาติบ้านเมืองสมควรแก่การกำราบปราบปรามมิให้มีการเล่นอีกต่อไป ปรากฏว่าเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยสมุดจดหมายเลขสลากกินรวบ 2 เล่มแต่ละเล่นจดรายการเล่นการพนันดังกล่าวหลายรายการด้วยกัน เป็นของกลาง จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้เล่นรายย่อยดังที่จำเลยฎีกาส่วนที่จำเลยอ้างว่าจำเลยไม่เคยต้องโทษมาก่อน และมีหน้าที่ต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรซึ่งยังเล็กอยู่ถึง 2 คน หากต้องโทษจำคุกแล้วครอบครัวของจำเลยจะได้รับความลำบากนั้น ก็ยังไม่เป็นเหตุผลเพียงพอที่ศาลฎีกาจะรอการลงโทษจำคุกจำเลย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โดยคงให้จำเลยจ่ายเงินสินบนนำจับนั้น เห็นว่าเมื่อศาลไม่ได้ลงโทษปรับจำเลยแล้ว จึงไม่อาจสั่งให้จำเลยจ่ายสินบนนำจับได้ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง"
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอที่ให้จำเลยจ่ายสินบนแก่ผู้นำจับเสียด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.