โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522มาตรา 22, 40, 42, 65, 70, 71 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91กฎกระทรวง ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2528) ข้อ 1(4) ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครเรื่อง ควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. 2522 ข้อ 76(4) ปรับจำเลยตลอดเวลาที่ฝ่าฝืนคำสั่ง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 22, 40, 42, 65, 70, 71ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ลงโทษฐานดัดแปลงอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน ปรับ 40,000 บาท ฐานไม่ระงับการก่อสร้าง จำคุก 6 เดือน ปรับ 40,000 บาท ฐานไม่รื้อถอนปรับวันละ 5,000 บาท รวม 150 วัน ปรับ 750,000 บาท รวมจำคุก 1 ปีปรับ 830,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน ปรับ 415,000 บาท โทษจำคุกรอไว้มีกำหนด 2 ปี จำเลยไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 และให้ปรับอีกวันละ 5,000 บาท จนกว่าจะรื้อถอนอาคารที่ดัดแปลง
โจทก์จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ลงโทษฐานฝ่าฝืนคำสั่งระงับการก่อสร้างอาคาร รวมเป็นโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 790,000 บาทลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 เดือน ปรับ 395,000 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาในชั้นนี้ว่า ฟ้องโจทก์ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 หรือไม่ และศาลพิพากษาลงโทษเกินคำขอหรือไม่ พิเคราะห์คำฟ้องของโจทก์แล้วโจทก์ได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยฝ่าฝืนคำสั่งมีกำหนด 150 วัน(นับตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2530 จนถึงวันฟ้อง) และมีคำขอท้ายฟ้องว่า ขอศาลได้สั่งปรับจำเลยตลอดระยะเวลาที่ฝ่าฝืนคำสั่งด้วย เห็นว่าฟ้องโจทก์ชอบด้วยกฎหมายแล้วเพราะได้บรรยายว่าจำเลยฝ่าฝืนคำสั่งมีกำหนดถึงวันฟ้องกี่วัน และมีคำขอท้ายฟ้องขอให้สั่งปรับจำเลยตลอดเวลาที่ฝ่าฝืน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้องมาอีกด้วย จำเลยให้การรับสารภาพ จึงอ้างว่าไม่สามารถเข้าใจข้อหาได้ดีไม่ได้
ปัญหาว่า ศาลพิพากษาลงโทษเกินคำขอหรือไม่ เห็นว่าตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 65, 70 ได้บัญญัติไว้ชัดแจ้งแล้วว่าให้ปรับได้ตลอดระยะเวลาที่ยังฝ่าฝืน ทั้งโจทก์ก็ขอมาในคำขอท้ายฟ้องด้วยว่า ขอศาลได้สั่งปรับจำเลยตลอดระยะเวลาที่ฝ่าฝืนคำสั่งด้วย ดังนั้นที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาในปัญหานี้มาจึงไม่เกินคำขอและชอบด้วยกฎหมายแล้ว
พิพากษายืน.