โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินค่าสินค้าที่ค้างชำระ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ ๗.๕ ต่อปี จากต้นเงิน ๕๑๑,๔๖๐ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ไม่ได้ซื้อสินค้าจากโจทก์ โจทก์คำนวณดอกเบี้ยไม่ถูกต้อง จำเลยยังไม่ได้ผิดนัดและโจทก์ไม่ได้ทวงถาม จึงไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยดังกล่าว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๕๑๑,๔๖๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี จากต้นเงิน ๒,๓๔๕,๔๐๐ บาท (ที่ถูกต้องเป็น ๒๓๕,๔๐๐ บาท) นับแต่วันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๔๐ เป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยดังกล่าวคิดถึงวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๐) ให้ไม่เกิน ๑๓,๒๔๑.๒๕ บาท และจากต้นเงิน ๒๗๖,๐๖๐ บาท นับแต่วันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๔๐ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยดังกล่าวคิดถึงวันฟ้องให้ไม่เกิน ๖,๙๐๑.๕๐ บาท และให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความเป็นเงิน ๗,๐๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ...
ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยไม่เคยได้รับหนังสือทวงถามของโจทก์ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยผิดนัด จำเลยจึงยังไม่ต้องชำระดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดนั้น เห็นว่า มีข้อตกลงการชำระราคาสินค้าพิพาทระหว่างโจทก์และจำเลยตามที่ระบุไว้ในใบส่งของเอกสารหมาย จ.๔ และ จ.๕ ว่าการชำระเงินต้องชำระภายใน ๔๕ วัน นับแต่วันส่งมอบสินค้า เมื่อโจทก์ส่งมอบสินค้าครั้งแรกตามใบส่งของเอกสารหมาย จ.๔ วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๐ ครั้งหลังตามใบส่งของเอกสารหมาย จ.๕ วันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๔๐ จำเลยจึงต้องชำระราคาครั้งแรกในวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๔๐ และครั้งหลังในวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๔๐ จึงเป็นหนี้ที่ได้กำหนดเวลาชำระไว้ตามวันแห่งปฏิทิน เมื่อจำเลยมิได้ชำระหนี้ตามกำหนด จึงถือได้ว่าจำเลยผิดนัดโดยโจทก์มิพักต้องเตือนอีก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๐๔ วรรคสอง จำเลยต้องชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของเงินที่ค้างชำระนับแต่วันครบกำหนด ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ส่วนฎีกาของจำเลยนอกจากนี้ไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะไม่มีผลทำให้คำวินิจฉัยของศาลเปลี่ยนแปลงไป ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว
พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา ๑,๐๐๐ บาท แทนโจทก์.
นางสาวมรกต วัฒนรุ่งเรืองยศ ผู้ตรวจร่างฯ
นายไพโรจน์ โรจน์อภิรักษ์กุล ย่อ
นางอัปษร หิรัญบูรณะ ผู้ช่วยฯ/ตรวจ