โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 268, 91
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265 (ที่ถูก มาตรา 265 (เดิม)) ฐานใช้เอกสารราชการปลอม จำคุก 2 ปี ข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้เถียงกันรับฟังเป็นที่ยุติในชั้นฎีกาว่า จำเลยติดต่อกับนายสมยศ ซึ่งมีความประสงค์จะซื้อที่ดินจากกรมบังคับคดี จำเลยมอบหนังสือจะซื้อจะขายที่ดินกับกรมบังคับคดี และหนังสือเรื่อง คำสั่ง รอการพิจารณา การจำหน่ายทรัพย์ ซึ่งเป็นเอกสารปลอมให้แก่นายสมยศ สำหรับความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง คู่ความไม่อุทธรณ์ ความผิดดังกล่าวจึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ส่วนความผิดฐานใช้หนังสือจะซื้อจะขายที่ดินกับกรมบังคับคดีและหนังสือแจ้งให้รอการพิจารณาการจำหน่ายทรัพย์ซึ่งเป็นเอกสารปลอม ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง และไม่มีผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ อนุญาตให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงฟังเป็นยุติว่า จำเลยใช้หนังสือจะซื้อจะขายที่ดินกับกรมบังคับคดีและหนังสือ เรื่อง คำสั่ง รอการพิจารณา การจำหน่ายทรัพย์ ซึ่งเป็นเอกสารปลอมดังกล่าว
คดีมีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยเพียงประการเดียวว่า หนังสือจะซื้อจะขายที่ดินกับกรมบังคับคดี และหนังสือ เรื่อง คำสั่ง รอการพิจารณา การจำหน่ายทรัพย์ เป็นเอกสารราชการปลอมหรือไม่ เห็นว่า เอกสารราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1 (8) หมายความว่า เอกสารซึ่งเจ้าพนักงานได้ทำขึ้นหรือรับรองในหน้าที่... เมื่อพิจารณาหนังสือจะซื้อจะขายที่ดินกับกรมบังคับคดีมีข้อความระบุข้อตกลงจะซื้อจะขายที่ดินระหว่างกรมบังคับคดีฝ่ายจำหน่ายทรัพย์ภายใน ผู้จะขาย กับนายสมยศ ผู้จะซื้อ ส่วนหนังสือ เรื่อง คำสั่งรอการพิจารณา การจำหน่ายทรัพย์ มีข้อความแจ้งนายสมยศว่า จำเลยที่เป็นผู้ถือครองทรัพย์ที่ดินเดิมขอโอกาสไถ่ถอนซื้อคืนทรัพย์ ซึ่งหากไถ่ถอนซื้อคืนได้ ฝ่ายจำหน่ายทรัพย์ กรมบังคับคดี จะคืนเงินให้แก่นายสมยศ แต่หากจำเลยดังกล่าวไม่สามารถปฏิบัติตามคำร้องขอต่อศาลได้จะแจ้งให้ทราบเพื่อมาทำสัญญาต่อไป หนังสือทั้งสองฉบับดังกล่าวด้านบนระบุชื่อของกรมบังคับคดี และมีข้อความในบรรทัดแรกว่า ทำที่กรมบังคับคดีซึ่งเป็นส่วนราชการโดยมีเนื้อหาข้อความเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติราชการของกรมบังคับคดี ทั้งยังระบุตำแหน่งและลายมือชื่อปลอมของผู้อำนวยการกองจำหน่ายทรัพย์ อันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การปลอมรูปแบบเนื้อหาข้อความลายมือชื่อรวมทั้งตำแหน่งของผู้ลงลายมือชื่อในหนังสือ ล้วนมุ่งประสงค์ให้นายสมยศและผู้พบเห็นหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงซึ่งเจ้าพนักงานกรมบังคับคดีได้ทำขึ้นในหน้าที่เพื่อทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินกับนายสมยศและแจ้งผลการดำเนินการให้นายสมยศทราบ แม้ได้ความจากคำเบิกความของผู้เสียหายว่า หนังสือจะซื้อจะขายที่ดินและหนังสือเรื่อง คำสั่ง รอการพิจารณา การจำหน่ายทรัพย์ ไม่ใช่หนังสือราชการของกรมบังคับคดีที่ต้องมีเครื่องหมายครุฑ และกรมบังคับคดีไม่เคยมีหนังสือลักษณะดังกล่าวดังที่จำเลยฎีกาก็ตาม แต่การทำเอกสารปลอมนั้น ไม่จำต้องมีเอกสารที่แท้จริงอยู่ก่อน และไม่จำต้องทำให้เหมือนจริง ดังนั้น หนังสือซึ่งเป็นเอกสารปลอมที่มุ่งประสงค์ให้นายสมยศและผู้พบเห็นหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงซึ่งเจ้าพนักงานกรมบังคับคดีได้ทำขึ้นในหน้าที่จึงเป็นเอกสารราชการปลอม การที่จำเลยนำหนังสือจะซื้อจะขายที่ดินกับกรมบังคับคดีและหนังสือ เรื่อง คำสั่ง รอการพิจารณา การจำหน่ายทรัพย์ ไปมอบให้แก่นายสมยศจึงเป็นการกระทำความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอมตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน