โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา339,340,ตรี,83ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา357จำคุก6ปีคืนของกลางแก่เจ้าของคำขออื่นให้ยกศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา339,340ตรีจำคุก15ปีจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า'ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่าวันเวลาเกิดเหตุนายดมวงศ์ชื่นผู้เสียหายถูกคนร้ายสองคนร่วมกันใช้อาวุธปืนจี้ชิงเอารถจักรยานยนต์จำนวน1คันไปปัญหาวินิจฉัยมีว่าจำเลยกระทำความผิดตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่โจทก์มีนายดมวงศ์ชื่นผู้เสียหายเป็นประจักษ์พยานมาเบิกความว่าจำเลยเป็นคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์คันที่ตามมาแล้วใช้ปืนจี้ขู่บังคับผู้เสียหายและขี่รถผู้เสียหายไปโดยเห็นและจำเลยได้ด้วยแสงไฟจากรถของคนร้ายขณะที่จำเลยก้มลงยกรถผู้เสียหายขึ้นโดยมีนายสิงห์คำคนโตและนายจิตรสมตาเป็นพยานประกอบว่าจำเลยนำรถผู้เสียหายไปจำนำกับนายสิงห์คำภายหลังเกิดเหตุได้พิเคราะห์พยานดังกล่าวแล้วเห็นว่าคดีนี้โจทก์มีผู้เสียหายเป็นประจักษ์พยานเพียงคนเดียวที่ผู้เสียหายอ้างว่าเห็นและจำคนร้ายได้ในขณะเกิดเหตุนั้นก็ขัดต่อเหตุผลไม่น่าเชื่อเพราะเหตุคดีนี้เกิดเวลากลางคืนผู้เสียหายเห็นคนร้ายในระยะเวลาอันสั้นมากเพียงเท่าที่คนร้ายหันมามองขณะยกรถผู้เสียหายขึ้นเท่านั้นโดยในขณะนั้นคนร้ายสวมหมวกกันน็อกปิดบังหน้าอยู่ด้วยทั้งเมื่อเห็นและอ้างว่าจำคนร้ายได้ก็มิได้บอกหรือแจ้งให้ผู้ใดทราบในทันทีโดยเฉพาะอย่างยิ่งตำรวจผู้รับแจ้งความในคืนเกิดเหตุแต่กลับได้ความจากจ่าสิบตำรวจมานิตย์บุญฑายพานจำเลยผู้รับแจ้งความว่าผู้เสียหายแจ้งว่าคนร้ายที่ซ้อนท้ายรูปร่างสูงๆผู้เสียหายไม่รู้จักคนร้ายไม่ได้ระบุชื่อไม่ได้บอกว่าจำหน้าคนร้ายได้หรือไม่จึงน่าเชื่อว่าผู้เสียหายจำคนร้ายไม่ได้เพราะยังได้ความจากนายจิตรสมตาพยานโจทก์ว่าจำเลยมีอาชีพซ่อมรถจักรยานยนต์อยู่หมู่บ้านเดียวกับผู้เสียหายและได้ความจากนางบัวคำผันผิดผู้ให้จำเลยเช่าบ้านเปิดเป็นร้านซ่อมรถจักรยานยนต์พยานจำเลยว่าบ้านผู้เสียหายอยู่ห่างร้านซ่อมรถของจำเลยประมาณ500เมตรเคยเห็นผู้เสียหายไปที่ร้านจำเลย1ครั้งเชื่อได้ว่าผู้เสียหายรู้จักจำเลยมาก่อนพฤติการณ์ที่ผู้เสียหายเคยรู้จักกับจำเลยแต่มิได้แจ้งความและนำจับในทันทีจึงผิดปกติวิสัยของวิญญูชนปรากฏว่าผู้เสียหายเพิ่งแจ้งความดำเนินคดีกับจำเลยตามเอกสารหมายล.1ภายหลังเมื่อผู้เสียหายทราบเรื่องจำเลยนำรถผู้เสียหายไปจำนำกับนายสิงห์คำและนำจับจำเลยมาแล้วดังนั้นการชี้ตัวจำเลยซึ่งได้กระทำในเวลาต่อมาตามบันทึกการชี้ตัวเอกสารหมายจ.4จึงหาได้แสดงว่าเพราะเหตุที่ผู้เสียหายจำจำเลยได้ในคืนเกิดเหตุไม่พยานหลักฐานโจทก์ยังไม่พอฟังลงโทษจำเลยในข้อหาชิงทรัพย์ตามฟ้องแต่โดยเหตุผลแล้วเชื่อได้ว่าเพราะเหตุที่จำเลยนำรถผู้เสียหายไปจำนำกับนายสิงห์คำข้ออ้างของจำเลยที่ว่ามิได้นำรถผู้เสียหายไปนำขัดกับคำให้การในชั้นสอบสวนตามเอกสารหมายจ.7ซึ่งจำเลยให้การในทันทีโดยไม่มีเวลาคิดหาข้อแก้ตัวน่าเชื่อว่าตรงตามความจริงการที่จำเลยซึ่งมีอาชีพซ่อมรถจักรยานยนต์ได้นำรถจักรยานยนต์ผู้เสียหายซึ่งถูกชิงทรัพย์ไปจำนำโดยมิได้นำทะเบียนรถไปแสดงเมื่อถูกกล่าวหาก็อ้างลอยๆแต่เพียงว่ารถเป็นของนายสิทธิโดยมิได้นำตัวมาสืบจึงเป็นพฤติการณ์ที่ถือได้ว่าจำเลยได้ช่วยจำหน่ายรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายโดยรู้ว่าเป็นทรัพย์อันได้มาจากการกระทำผิดอันเป็นความผิดฐานรับของโจรจึงลงโทษจำเลยในฐานนี้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาฎีกาจำเลยฟังขึ้นเป็นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา357ให้จำคุก6ปีคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้างมีเหตุบรรเทาโทษจึงลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา78คงจำคุก4ปีนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์