ศาลชั้นต้นพิพากษาตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดก ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้ยกคำร้องขอของโจทก์เสียด้วย โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า "ข้อเท็จจริงคงฟังได้ว่าโจทก์อยู่กินกับผู้ตายภายหลังประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ใช้บังคับโจทก์จึงไม่เป็นภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นทายาทของผู้ตาย สำหรับกรณีที่โจทก์เป็นผู้มีส่วนได้เสียหรือไม่ ได้ความจากโจทก์ว่าระหว่างอยู่กินกับผู้ตายไม่มีทรัพย์สินใหม่เกิดขึ้น ซึ่งมีความหมายว่าไม่มีทรัพย์สินที่โจทก์กับผู้ตายร่วมกันทำมาหาได้ โจทก์จึงเป็นผู้ไม่มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกอีกที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีสิทธิร้องต่อศาลขอให้ตั้งผู้จัดการมรดก ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
เมื่อฟังว่าโจทก์ไม่มีสิทธิร้องต่อศาลขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกแล้วข้อที่ว่าโจทก์สมควรเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ ก็เป็นอันตกไปในตัว คงเหลือเฉพาะจำเลยว่าสมควรเป็นผู้จัดการมรดกรายนี้หรือไม่ ได้ความว่าจำเลยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเลขที่ 1220 ร่วมกับโจทก์และผู้ตาย แต่จำเลยมิได้อยู่ที่บ้านหลังนั้น เที่ยวอาศัยหลับนอนกับผู้อื่น ดื่มสุรายาเมาเป็นอาจิณจนสติฟั่นเฟือนเนื่องจากพิษสุรา ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร มาในระยะหลังนี้อาศัยอยู่ที่บ้านนางเอ็ง เที่ยวแกะสลักหยวกในงานศพ ได้รางวัลเป็นเงินบ้าง เป็นสิ่งของบ้าง ฉะนั้นที่โจทก์เบิกความว่าถ้าจะให้จำเลยเซ็นชื่อหรือทำสัญญาอะไร เพียงแต่ให้ดื่มสุราจำเลยก็เซ็นให้ จึงมีเหตุผลควรรับฟังนอกจากนี้ได้ความจากนายสมชายหรือบ๊อก สื่อประเสริฐสุข พยานจำเลยว่า นายสมชายหรือบ๊อกสื่อประเสริฐสุข เป็นผู้สนับสนุนจำเลยให้เป็นผู้จัดการมรดกรายนี้ โดยจัดหาทนายความให้ เพราะจำเลยไม่ค่อยมีเงิน และนายสมชายหรือบ๊อก สื่อประเสริฐสุขจะจัดหาคนมาสร้างตึกแถวในที่ดินเพื่อหาผลประโยชน์ต่อไป ศาลฎีกาเห็นว่าตามพฤติการณ์ดังกล่าวไม่สมควรตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกดังที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยมา"
พิพากษายืน