โจทก์ฟ้องว่า นางนวม จูวิลัย ให้โจทก์เช่าที่ดินเพื่อปลูกสร้างอาคารเก็บผลประโยชน์ โดยต้องชำระเงิน ๓๗๖,๐๐๐ บาท ให้นางนวมเป็นค่าตอบแทน โจทก์ชำระเงิน ๑๔๐,๐๐๐ บาทให้แก่นางนวมในวันทำสัญญา ที่เหลือจะชำระเมื่อสร้างตึกแถวเสร็จ ต่อมาทำสัญญากันอีกว่า นางนวมมีสิทธิ์ขายที่ดินโดยต้องคืนเงิน ๑๔๐,๐๐๐ บาท ให้โจทก์ และต่อมานางนวมได้ขายที่ดินแปลงนี้ราคา ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท นางนวมถึงแก่กรรม จำเลยทั้งสามเป็นทายาทผู้รับมรดกได้รับเงินค่าขายที่ดินหมดแล้ว โจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามชำระเงิน๑๔๐,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยถึงวันฟ้องรวมเป็นเงิน ๑๔๐,๕๐๐ และให้ชำระดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน ๑๔๐,๐๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ให้การว่า จำเลยเป็นทายาทนางนวม ไม่รับรองว่านางนวมทำสัญญากับโจทก์ หากทำไว้จริงโจทก์ก็ผิดสัญญา นางนวมมีสิทธิ์ริบมัดจำ นอกจากนี้คืนเงินให้โจทก์มีเงื่อนไขว่า นางนวมต้องขายที่ดินได้ในราคาตารางวาละ ๕,๐๐๐ บาทหรือกว่านั้น ถ้าต่ำกว่าจะต้องตำลงกันอีกครั้ง นางนวมขายที่ดินได้ไม่ถึงตารางละ ๕,๐๐๐ บาท โจทก์ไม่ได้ตกลงกับนางนวมใหม่จนนางนวมถึงแก่กรรม สัญญาดังกล่าวจึงไม่มีผลบังคับ
จำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ตามข้อตกลงเอกสารหมาย จ.๔ ข้อ ๓ นางนวมตกลงคืนเงินจำนวน ๑๕๐,๐๐๐ บาทให้แก่โจทก์เฉพาะกรณีที่นางนวมขายที่ดินได้ในราคาตารางวาละ ๕,๐๐๐ บาทหรือกว่านั้น หากขายได้ในราคาต่ำกว่า ๕,๐๐๐ บาท คู่สัญญาจะต้องทำความตกลงกันใหม่อีกครั้ง แต่ปรากฏว่าโจทก์และนางนวมหาได้ทำความตกลงกันใหม่ไม่ ข้อตกลงจึงสิ้นผล พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามเอกสารหมาย จ.๔ ข้อ ๒(๓) ว่า "เงินจำนวนที่คุณนวม จูวิลัย จะคืนให้คุณประทีป แสงสิงแก้ว เป็นเงิน ๑๔๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งแสนสี่หมื่นบาทถ้วน) หมายความถึงเฉพาะกรณีที่มีผู้เข้ามาทำสัญญากันใหม่กับคุณนวม จูวิลัย ตามสัญญาข้อ (๒) ในจำนวนเนื้อที่ดิน ๓๔๖ ตารางวา ในราคาขายตารางวาละ ๕,๐๐๐ บาทหรือกว่านั้น หากตกลงราคาตารางวาต่ำกว่า ๕,๐๐๐ บาทแล้ว คู่สัญญาจะได้มาทำความตกลงเกี่ยวกับเรื่องนี้ใหม่อีครั้งหนึ่ง" เป็นข้อความที่ให้โอกาสแก่โจทก์ที่จะได้รับคืนเงินจำนวนดังกล่าว เมื่อนางนวมขายที่ดินแปลงที่โจทก์เช่าจากนางนวมในราคาขายตารางวาละ ๕,๐๐๐ บาทหรือกว่านั้น หากขายได้ราคาต่ำกว่าตารางวาละ ๕,๐๐๐ บาท คู่สัญญาคือโจทก์และนางนวมจะได้มาตกลงเกี่ยวกับเรื่องนี้ใหม่อีกครั้งหนึ่ง ฉะนั้น ข้อความดังกล่าวจึงเป็นหลักการในสัญญา โจทก์เองก็รู้ดีถึงข้อตกลงนี้ จึงพยายามไปพบนางนวมหลายครั้งก่อนที่นางนวมเข้าโรงพยาบาลและหลังจากนางนวมออกจากโรงพยาบาลแล้ว แต่นางนวมคงปฏิเสธที่จะทำความตกลงใหม่กับโจทก์และท้าให้โจทก์ไปฟ้อง จึงถือได้ว่านางนวมไม่ยอมทำความตกลงกับโจทก์ใหม่ และปฏิเสธไม่ยอมคืนเงินให้โจทก์ หาใช่นางนวมไม่ปฏิเสธดังข้ออ้างของโจทก์ไม่
พิพากษายืน