โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกที่หลบหนีร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงพลทหารเสาว์แก้วถึงแก่ความตายโดยเจตนาฆ่า ขอให้ลงโทษ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ศาลจังหวัดนนทบุรีได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟังเมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๒๖ ซึ่งจดบันทึกไว้ในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แผ่นที่ ๔ ด้านหลัง และศาลจังหวัดพิษณุโลกอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ทนายจำเลยฟังอีกครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๒๕ (น่าจะเป็น ๒๕๒๖) ดังปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๒๕(น่าจะเป็น ๒๕๒๖) ทนายจำเลยยื่นฎีกาวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๒๖ เป็นระยะเวลาภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ทนายจำเลยฟัง ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๖บัญญัติว่า "คู่ความมีอำนาจฎีกาคัดค้านคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลอุทธรณ์ภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันอ่าน หรือถือว่าได้อ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นให้คู่ความฝ่ายที่ฎีกาฟัง" ดังนั้น เมื่อปรากฏว่าศาลจังหวัดนนทบุรี ได้อ่านคำพิพากษาให้ตัวจำเลยซึ่งเป็นคู่ความฝ่ายที่ฎีกาฟังโดยชอบแล้วตั้งแต่วันที่ ๒๘มีนาคม ๒๕๒๖ แม้ต่อมาศาลจังหวัดพิษณุโลกจะได้อ่านคำพิพากษาให้ทนายจำเลยฟังอีก ก็ต้องถือตั้งแต่วันอ่านโดยชอบในครั้งแรกการที่ทนายจำเลยยื่นฎีกาวันที่ ๑๘พฤษภาคม ๒๕๒๖ ซึ่งเป็นระยะเวลาเกินหนึ่งเดือนนับแต่วันอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ตัวจำเลยฟัง จึงล่วงเลยระยะเวลาที่จำเลยมีอำนาจฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาของจำเลย