ได้ความว่าจำเลยปักหลักล้อ-อมรั้วรกลงไปในลำคลอง  และปิดทางเดินลงท่าน้ำซึ่งเปนที่อยู่ในโฉนดของจำเลย  แต่จำเลยให้ผู้เช่าอาศัยทำเปนท่าน้ำสำหรับลากซุงประมาณ ๗ ปีมาแล้ว โจทก์จึงขอให้ลงโทษจำเลยและให้รื้อรั้วออกจากทางสาธารณะทั้ง ๒ นี้
ศาลเดิมตัดสินว่า  การที่จำเลยทำรั้วลงในคลองมีผิดตาม ม. ๓๓๖ ข้อ ๑ - ๒ ส่วนท่าน้ำจำเลยก็ไม่มีอำนาจปิด  เพราะเปนที่สาธารณะให้ปรับ ย. และ อ. จำเลย  กับให้รื้อสิ่งที่กีดกั้นให้สิ้นเชิง
ศาลอุทธรณ์ตัดสินแก้ให้ยกข้อที่บังคับให้จำเลยเปิดรั้วท่าน้ำนั้นเสีย
โจทก์ฏีกาว่า  ท่าน้ำรายนี้เปนทางสาธารณะ ส่วนจำเลยฏีกาในข้อเท็จจริง
ศาลฏีกาเห็นว่า  จำเลยฏีกาไม่ได้  ส่วนฏีกาโจทก์นั้นเห็นว่า  ท่าน้ำนี้เปนที่อยู่ในโฉนดจำเลย ๆ ยอมให้ผู้เช่าอาศัยทำท่าน้ำสำหรับลากซุงเพียง ๗ ปี  หาได้ยอมให้เปนท่าสาธารณะไม่ จึงตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์