คดีสืบเนื่องมาจากศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ หลังจากนั้นให้จำเลยร่วมชำระเงินแก่จำเลย ต่อมาจำเลยร่วมไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา จำเลยขอให้บังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดียึดห้องชุดจำนวน 114 ห้อง และขายทอดตลาดไปในนัดที่ 2 จำนวน 18 ห้อง และนัดที่ 3 จำนวน 59 ห้อง ดังที่ปรากฏในรายงานของเจ้าพนักงานบังคับคดีฉบับลงวันที่ 3 เมษายน 2552 และฉบับลงวันที่ 22 เมษายน 2552
จำเลยร่วมยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดนัดที่ 2 และที่ 3 และงดการขายทอดตลาดนัดที่ 4
จำเลยยื่นคำคัดค้านว่า จำเลยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำนองห้องชุดในอาคารชุดเพรสิเดนท์ พาร์ค พาร์ควิว ทาวเวอร์ อาคาร 1, 2, 3 และ 5 จำนวน 107 ห้อง และอาคารชุดเพรสิเดนท์ พาร์ค ฮาร์เบอร์วิว มะฮอกกานี ทาวเวอร์ จำนวน 7 ห้อง รวมทั้งสิ้นจำนวน 114 ห้อง เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประเมินราคาห้องชุดเป็นเงินทั้งสิ้น 518,439,400 บาท ซึ่งจำเลยร่วมมิได้คัดค้านราคาประเมินของเจ้าพนักงานบังคับคดีหรือวิธีการขายทอดตลาดแต่อย่างใด การขายทอดตลาดโดยแยกเป็นรายห้องแบบปลอดจำนองนับเป็นประโยชน์แก่คู่ความทุกฝ่าย ทำให้มีผู้เข้ามาสู้ราคาจำนวนมากขึ้นและยังให้การบังคับคดีเป็นไปโดยไม่ชักช้า เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประกาศขายทอดตลาดทรัพย์สินจำนวน 4 นัด ในการขายทอดตลาดตั้งแต่นัดที่ 1 ถึงนัดที่ 3 เมื่อมีผู้รับราคาเริ่มต้นของเจ้าพนักงานบังคับคดี และมีผู้เสนอราคาสูงสุดแล้ว เมื่อจำเลยและจำเลยร่วมคัดค้านราคา เจ้าพนักงานบังคับคดีจะมีคำสั่งให้เลื่อนการขายทอดตลาดออกไป โดยให้ผู้เสนอราคาสูงสุดต้องผูกพันกับการเสนอราคาเป็นระยะเวลา 30 วัน พร้อมกำชับให้ผู้คัดค้านหาผู้เข้าสู้ราคาให้ได้ตามที่ต้องการ มิฉะนั้นจะไม่ฟังคำคัดค้านราคาอีก ซึ่งเมื่อวันนัดขายทอดตลาดในครั้งต่อมา จำเลยร่วมมิได้หาผู้ใดมาเข้าสู้ราคา เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงขานราคานับสามพร้อมเคาะไม้ขายให้กับผู้เสนอราคาสูงสุดไป เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประกาศขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทของจำเลยร่วมโดยกำหนดวิธีการขายและเงื่อนไขการเข้าสู้ราคาตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบของกรมบังคับคดีแล้ว มิได้มีพฤติการณ์ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงแต่อย่างใด จำเลยร่วมยื่นคำร้องขอเพิกถอนการขายทอดตลาดนัดที่ 2 ซึ่งมีขึ้นในวันที่ 3 เมษายน 2552 อันเป็นระยะเวลาเกินกว่า 15 วัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 309 ทวิ ประกอบมาตรา 296
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
จำเลยร่วมอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า ข้อที่จำเลยร่วมอุทธรณ์ว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีจัดให้มีการขายห้องชุดจำนวน 114 ห้อง โดยการแยกขายทีละห้องต่อเนื่องกันไป เป็นเหตุให้ราคาที่ได้จากการขายทอดตลาดต่ำเกินสมควรและผู้เกี่ยวข้องในการเข้าสู้ราคาคบคิดกันฉ้อฉล เห็นว่า คำร้องของจำเลยร่วมเป็นกรณีที่อ้างว่า ราคาที่ได้การขายทอดตลาดทรัพย์สินมีจำนวนต่ำเกินสมควรเกิดจากการคบคิดกันฉ้อฉลในระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้องในการสู้ราคาหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของเจ้าพนักงานบังคับคดีในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 ทวิ วรรคสอง ซึ่งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งยกคำร้องแล้ว คำสั่งดังกล่าวย่อมถึงที่สุดตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 ทวิ วรรคสี่ ดังนั้น ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางรับอุทธรณ์ของจำเลยร่วมในข้อนี้มา จึงเป็นการมิชอบ ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่รับวินิจฉัย
มีปัญหาวินิจฉัยของจำเลยร่วมอุทธรณ์ว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีมิได้คำนวณจำนวนหนี้ที่จำเลยร่วมค้างชำระแก่จำเลยตามที่จำเลยร่วมร้องขอ เพื่อที่จำเลยร่วมจะได้วางเงินจำนวนดังกล่าวต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษา และให้มีการถอนการบังคับคดีตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295 (1) แต่เจ้าพนักงานบังคับคดีกลับไม่ดำเนินการใด ๆ เป็นเหตุให้ต้องมีการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาท เห็นว่า ไม่มีบทกฎหมายใดกำหนดให้เจ้าพนักงานบังคับคดีคำนวณยอดหนี้ที่จำเลยร่วมค้างชำระแก่จำเลย ทั้งได้ความว่าแม้ว่าจำเลยร่วมจะไม่ได้รับแจ้งจำนวนยอดหนี้ค้างชำระจากเจ้าพนักงานบังคับคดีก่อนมีการขายทอดตลาด แต่การขายทอดตลาดนัดที่ 1 ห่างจากวันที่จำเลยร่วมยื่นคำร้องขอต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีถึง 2 เดือนเศษ จำเลยร่วมจึงอยู่ในวิสัยที่จะดำเนินการด้วยตนเอง เพื่อทราบถึงจำนวนยอดหนี้ค้างชำระและวางเงินที่เพียงพอเพื่อการชำระหนี้แก่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ หากจำเลยร่วมมีความประสงค์ที่แท้จริงที่จะดำเนินการ ข้อเท็จจริงจึงยังถือไม่ได้ว่า เหตุที่ทำให้ต้องมีการขายทอดตลาดทรัพย์สินพิพาทเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่โดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของเจ้าพนักงานบังคับคดีดังที่จำเลยร่วมกล่าวอ้าง ถือไม่ได้ว่ากรณีมีการบังคับคดีฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งกฎหมายแต่อย่างใด ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งยกคำร้องมาชอบแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยร่วมข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ