คดีนี้โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยมีฝิ่นไว้ในครอบครอง ๑ กระป๋อง จำนวน ๑๒,๕๐๐ กรัม ราคา ๔๙,๖๐๐ บ. โดยไม่ได้รับอนุญาตจึงขอลงโทษ และปรากฎตามฟ้องข้อ ๒ ว่าได้ฝิ่นดิบซึ่งค้นได้ในบริเวณที่เกิดเหตุ ๗ กระป๋อง จำนวนน้ำหนัก ๗๗,๗๐๐ กรัม และสิ่งของอื่นอีกหลายอย่างเป็นของกลาง (โดยไม่ปรากฎในฟ้องว่าของที่จับได้เหล่านี้เป็นของใคร) โจทก์จึงขอให้ริบของกลางที่จับได้ในฟ้องข้อ ๒ นี้เสียด้วย
จำเลยให้การรับสารภาพว่าได้มีฝิ่นไว้ในความครอบครองจริง ไม่ขอต่อสู้คดี
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ. ๒๔๗๒ ม.๘,๕๓,๖๙ พ.ร.บ. ฝิ่น (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๔๙๔ ม.๖ ให้จำคุกจำเลย ๑ ปี ลดรับสารภาพตาม ม.๕๙ กึ่งเหลือจำคุก ๖ เดือน ริบฝิ่น ๑๒๔๐๐ กรัม ส่วนของกลางอื่น ๆ ไม่เกี่ยวข้องกับความผิดในคดีนี้จึงไม่ริบ
โจทก์ฎีกาขอให้ริบของกลางอื่น ๆ ตามที่โจทก์กล่าวในฟ้องข้อ ๒ ด้วย
ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาในที่ประชุมใหญ่แล้ว ข้อเท็จจริงได้ความจากพยานโจทก์ว่า ก่อนที่จะเข้าทำการจับกุม เจ้าพนักงานได้ยิงต่อสู้กับจำเลยและพรรคพวกประมาณ ๓๐ นาที จำเลยถูกจับเพราะถูกยิงฟุบอยู่หนีไม่ได้ ส่วนพรรคพวกจำเลยหนี้ไปหมด ได้ฝิ่นที่จำเลย ๑ กระป๋อง กับได้ฝิ่นอีก ๗ กระป๋อง และของกลางอื่น ๆ ในบริเวณที่เกิดเหตุ แม้จำเลยจะรับแต่เพียงว่าฝิ่น ๑ กระป๋องเป็นของจำเลย ก็ฟังได้ว่าฝิ่นของกลางอีก ๗๗,๗๐๐ กรัมเป็นของมีไว้โดยผิดกฎหมาย เพราะไม่ใช่ฝิ่นของรัฐบาลและถูกจับในที่เกิดเหตุเนื่องจากจำเลยกระทำผิดกฎหมายฐานมีฝิ่นไม่ใช่ของรัฐบาลไว้ในครอบครอง ที่ศาลล่างทั้งสองไม่พิพากษาให้ริบฝิ่นของกลางทั้งหมด ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา จึงพิพากษาแก้ให้ริบฝิ่น ๗๗๗๐๐ กรัม ตาม พ.ร.บ.ฝิ่น พ.ศ. ๒๔๗๒ ม.๖๙ และ ก.ม.อาญา ม.๒๘ ด้วย ส่วนของกลางนอกจากนี้ไม่ปรากฎตามฟ้องว่าเป็นของจำเลยและจำเลยมีไว้เพื่ออะไรจึงไม่ริบ นอกจากที่แก้นี้คงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์