คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสามตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 57, 66 วรรคสาม, 91 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43 ทวิ วรรคหนึ่ง, 157/1 วรรคสอง การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 3 ตลอดชีวิต และปรับคนละ 1,000,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 2 ลดมาตราส่วนโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุก 33 ปี 4 เดือน และปรับ 666,666.66 บาท ฐานเสพเมทแอมเฟตามีนและฐานเป็นผู้ขับขี่เสพเมทแอมเฟตามีนการกระทำเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 157/1 วรรคสอง ประกอบพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 91 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 3 คนละ 8 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 5 เดือน 10 วัน ลดโทษให้จำเลยที่ 1 กึ่งหนึ่ง ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย คงจำคุก 25 ปี และปรับ 500,000 บาท ฐานเป็นผู้ขับขี่เสพเมทแอมเฟตามีน คงจำคุก 4 เดือน รวมจำคุก 25 ปี 4 เดือน และปรับ 500,000 บาท ลดโทษให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 คนละหนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยที่ 2 ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย 16 ปี 8 เดือน และปรับ 444,444.44 บาท ฐานเป็นผู้ขับขี่เสพเมทแอมเฟตามีน 2 เดือน 20 วัน รวมจำคุก 16 ปี 10 เดือน 20 วัน และปรับ 444,444.44 บาท คงจำคุกจำเลยที่ 3 ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย 33 ปี 4 เดือน และปรับ 666,666.66 บาท ฐานเป็นผู้ขับขี่เสพเมทแอมเฟตามีน 5 เดือน 10 วัน รวมจำคุก 33 ปี 9 เดือน 10 วัน และปรับ 666,666.66 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 หากต้องกักขังแทนค่าปรับให้กักขังเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี พักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของจำเลยที่ 3 มีกำหนด 6 เดือน ริบเมทแอมเฟตามีน รถจักรยานยนต์ โทรศัพท์เคลื่อนที่หมายเลข 08 4745 XXXX และอุปกรณ์การเสพยาเสพติดให้โทษของกลาง ส่วนของกลางอื่นให้คืนแก่เจ้าของ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ลดโทษให้จำเลยที่ 2 ฐานเป็นผู้ขับขี่เสพเมทแอมเฟตามีนกึ่งหนึ่ง และฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหนึ่งในสาม ฐานเป็นผู้ขับขี่เสพเมทแอมเฟตามีน คงจำคุก 2 เดือน 20 วัน ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย คงจำคุก 22 ปี 2 เดือน 20 วัน เมื่อรวมกับโทษปรับที่ศาลชั้นต้นกำหนดแล้ว เป็นจำคุก 22 ปี 5 เดือน 10 วัน และปรับ 444,444.44 บาท ลดโทษให้จำเลยที่ 3 ฐานเป็นผู้ขับขี่เสพเมทแอมเฟตามีนกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 4 เดือน เมื่อรวมกับโทษฐานอื่นที่ศาลชั้นต้นกำหนดแล้ว เป็นจำคุก 33 ปี 8 เดือน และปรับ 666,666.66 บาท คดีถึงที่สุด
จำเลยทั้งสามยื่นคำร้องขอให้กำหนดโทษใหม่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 (1)
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษายืน
จำเลยที่ 3 ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 3 ว่า กรณีมีเหตุที่จะกำหนดโทษจำเลยที่ 3 ใหม่ในความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 66 วรรคสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 (1) หรือไม่
ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 3 ร่วมกับพวกมีเมทแอมเฟตามีน 2,000 เม็ด มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 40.445 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และพิพากษายืนให้จำคุกตลอดชีวิต และปรับ 1,000,000 บาท ก่อนจะลดโทษให้หนึ่งในสาม ระหว่างที่จำเลยที่ 3 กำลังรับโทษตามคำพิพากษาซึ่งคดีถึงที่สุดแล้วนั้นได้มีพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติมทุกฉบับ และให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติดท้ายพระราชบัญญัติดังกล่าวแทน ซึ่งการกระทำของจำเลยที่ 3 ต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 90 และมาตรา 145 แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด
เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า เมทแอมเฟตามีนที่จำเลยที่ 3 ร่วมกับพวกมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอันเป็นความผิดฐานจำหน่ายตามมาตรา 145 มีจำนวน 2,000 เม็ด มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 40.445 กรัม แม้ไม่ปรากฏพฤติการณ์ในการกระทำความผิดและบทบาทหน้าที่ของจำเลยที่ 3 อย่างชัดเจน แต่ปริมาณของเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวย่อมบ่งชี้ได้ว่าหากไม่ถูกเจ้าพนักงานตำรวจตรวจยึดเป็นของกลางเสียก่อน จำเลยที่ 3 กับพวกต้องจำหน่าย จ่าย แจกเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวไปยังกลุ่มผู้เสพหลายคน โดยสภาพย่อมถือเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน การกระทำความผิดของจำเลยที่ 3 จึงต้องด้วยมาตรา 145 วรรคสอง (2) ซึ่งมีระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงสองล้านบาท อันเป็นคุณแก่จำเลยที่ 3 มากกว่ากฎหมายเดิม เมื่อโทษที่ศาลอุทธรณ์กำหนดตามคำพิพากษาก่อนลดโทษคือโทษจำคุกตลอดชีวิต และปรับ 1,000,000 บาท หนักกว่าโทษจำคุกตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง ศาลต้องกำหนดโทษให้จำเลยที่ 3 ใหม่ตามโทษที่กำหนดตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกคำร้องนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 3 ฟังขึ้น
อนึ่ง เมื่อจำเลยที่ 3 ซึ่งกำลังรับโทษอยู่ร้องขอและศาลกำหนดโทษให้จำเลยที่ 3 ใหม่แล้ว เมื่อความปรากฏต่อศาลว่า จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ยังรับโทษอยู่ ศาลย่อมกำหนดโทษใหม่ สำหรับจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ด้วยได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 (1) และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2550 มาตรา 3
พิพากษาแก้เป็นว่า สำหรับความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ให้กำหนดโทษจำเลยทั้งสามเสียใหม่ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 90, 145 วรรคสอง (2) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 (1) โดยให้จำคุกจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 คนละ 15 ปี และปรับคนละ 900,000 บาท ลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยที่ 2 หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 แล้ว ให้จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 10 ปี และปรับ 600,000 บาท ลดโทษให้จำเลยที่ 1 กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 7 ปี 6 เดือน ปรับ 450,000 บาท ลดโทษให้จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 คนละหนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 6 ปี 8 เดือน และปรับ 400,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 10 ปี และปรับ 600,000 บาท เมื่อรวมกับโทษฐานอื่นที่คำพิพากษาศาลอุทธรณ์กำหนดเป็นจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 7 ปี 10 เดือน และปรับ 450,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 6 ปี 10 เดือน 20 วัน และปรับ 400,000 บาท และจำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 10 ปี 4 เดือน และปรับ 600,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 หากต้องต้องกักขังแทนค่าปรับ ให้กักขังได้เกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี