โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสมคบกันทำหนังสือมอบฉันทะ อันเป็นหนังสือสำคัญในราชการปลอม โดยพิมพ์ลายนิ้วมือนายแก้วนางภู่ปลอมขึ้นว่านายแก้วนางภู่ มอบฉันทะให้ นายเง้จำเลยเป็นผู้มีอำนาจจัดการยกกรรมสิทธิ์ที่ดินของนายแก้วนางภู่ ให้นางอุ่มจำเลย แล้วจำเลยนำใบมอบฉันทะปลอมไปใช้เป็นหนังสือที่แท้จริง โดยยื่นต่อเจ้าพนักงานหอทะเบียนที่ดิน และจำเลยได้นำข้อความเท็จไปแจ้งต่อเจ้าพนักงานนั้นว่า นายแก้วนางภู่ได้มอบฉันทะให้จำเลยจัดการโอนที่ดินตามใบมอบฉันทะ เจ้าพนักงานหลงเชื่อจึงจัดการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้นางอุ่มจำเลยไป ขอให้ลงโทษตามมาตรา 222, 223, 224, 225, 226, 227, 118, 63, 71
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 118, 225, 227
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า หนังสือมอบฉันทะนั้น จัดเป็นหนังสือสำคัญตามมาตรา 224 ฟ้องโจทก์ ว่าจำเลยปลอมวันที่ 1 มีนาคม 2482 โจทก์ นำคดีมาฟ้อง เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2488 คดีจึงขาดอายุความตามมาตรา 78 เพราะเกิน 5 ปี และจะยกมาตรา 227 มาใช้ก็ไม่ได้เพราะมาตรานี้หมายถึงการนำหนังสือที่ผู้อื่นปลอมมาใช้ จึงเอาผิดจำเลยฐานใช้หนังสือปลอมไม่ได้ นางเง้ จำเลยได้นำหนังสือปลอมมาแสดงแจ้งเท็จต่อพนักงาน เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2483 จึงมีผิดตามมาตรา 118 เพราะคดียังไม่ขาดอายุความ จึงพิพากษาแก้ให้ลงโทษนายเง้จำเลยตามมาตรา 118 ส่วนนางอุ่มจำเลยไม่ได้ความว่าล่วงรู้ในการแจ้งเท็จด้วย จึงไม่ผิดให้ปล่อยตัวไป