โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ไป 80,000 บาท ตกลงให้ดอกเบี้ยวันละ 1.25 บาท ต่อเดือน จำเลยไม่เคยชำระตัวเงิน และดอกเบี้ยโจทก์ทวงถามหลายครั้งจำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 98,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 1.25 บาทต่อเดือน ในต้นเงิน 80,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า จำเลยกู้เงินโจทก์เพียง 8,000 บาท โดยลงลายมือชื่อไว้ในสัญญากู้ซึ่งไม่ได้กรอกข้อความและจำนวนเงินโจทก์ได้ปลอมแปลงสัญญากู้โดยกรอกข้อความและจำนวนเงินจากที่กู้8,000 บาท เป็น 80,000 บาท โดยจำเลยมิได้รู้เห็นยินยอมด้วยประกอบกับจำเลยมีฐานะไม่ดี ไม่อยู่ในฐานะที่โจทก์จะเชื่อถือให้กู้เงินจำนวน 80,000 บาท ได้โดยไม่มีหลักประกัน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ในปัญหาที่โจทก์ฎีกาว่า สัญญากู้เอกสารหมาย จ.1 ระบุว่าได้รับเงินครบถ้วนแล้ว จำเลยนำสืบพยานเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารดังกล่าวไม่ได้นั้น เห็นว่าจำเลยให้การต่อสู้คดีว่าจำเลยกู้เงินโจทก์เพียง 8,000 บาท และลงบายมือชื่อไว้ในสัญญากู้โดยไม่ได้กรอกข้อความ และจำนวนเงินมิใช่ 80,000 บาท ตามที่โจทก์ฟ้อง การที่สัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้องมีจำนวนเงิน 80,000 บาท เป็นเพราะโจทก์ได้ปลอมแปลงเอกสารสัญญากู้โดยกรอกข้อความและจำนวนเงินจากที่กู้ไป 8,000 บาท เป็น 80,000 บาทโดยจำเลยมิได้รู้เห็นยินยอม เช่นนี้ จำเลยมีสิทธินำสืบพยานบุคคลตามข้อต่อสู้ของจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94 วรรคท้าย เพราะนำสืบประกอบข้ออ้างว่าพยานเอกสารที่แสดงนั้นเป็นเอกสารปลอมหรือไม่ถูกต้องทั้งหมดหรือแต่บางส่วนหรือสัญญาหรือหนี้อย่างอื่นที่ระบุไว้ในเอกสารนั้นไม่สมบูรณ์กรณีหาใช่เป็นการนำสืบเพื่อเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในสัญญากู้ดังโจทก์ฎีกาไม่ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น"
พิพากษายืน.