โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 371, 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 และริบของกลาง
จำเลยให้การต่อสู้อ้างเหตุป้องกัน
ระหว่างพิจารณา นางสุนีรัตน์ ศิริเวช มารดาผู้ตายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 72, 371 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันเรียงกระทงลงโทษทุกกรรมตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ความผิดฐานฆ่าผู้อื่นจำเลยกระทำโดยบันดาลโทสะ พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว สมควรลงโทษจำคุก 12 ปี ความผิดฐานพาอาวุธมีดไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรให้ปรับ 90 บาท รวมจำคุก 12 ปีปรับ 90 บาท คำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้จำเลยหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 8 ปี ปรับ 60 บาท ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ของกลางริบ
โจทก์ร่วมและจำเลยต่างอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว ส่วนความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 นั้น เชื่อว่าจำเลยได้กระทำไปโดยบันดาลโทสะ การที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยก่อนลดโทษโดยจำคุกถึง 12 ปี นั้นหนักเกินไปสมควรกำหนดโทษเสียใหม่ให้เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดี พิพากษาแก้เป็นว่า จำคุกจำเลยมีกำหนด 6 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 4 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยอธิบดีกรมอัยการได้รับรองให้โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายชอบข่มขู่เรียกค่าคุ้มครองจากจำเลย และกลั่นแกล้งจำเลยต่าง ๆ นา ๆ ในวันเกิดเหตุผู้ตายได้ดึงเอากุญแจรถจักรยานยนต์ของจำเลยไปในขณะที่จำเลยกำลังจะออกไปส่งเนื้อสุกรให้ลูกค้าอันเป็นอาชีพของจำเลย เมื่อจำเลยตามไปทวงคืนผู้ตายทำท่าจะยื่นกุญแจรถให้ แต่แล้วกลับต่อยจำเลยก่อน จำเลยจึงใช้มีดหั่นเนื้อสุกรฟันและแทงผู้ตาย ถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย แต่ได้กระทำไปโดยบันดาลโทสะ ปัญหาวินิจฉัยมีว่าสมควรลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงจะเหมาะสมกับพฤติการณ์แห่งคดี เห็นว่า ผู้ตายมีลักษณะคล้ายเป็นคนอันธพาล และเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อน กลั่นแกล้งจำเลยขณะที่จำเลยกำลังจะออกไปส่งเนื้อสุกรให้แก่ลูกค้าอันเป็นอาชีพของจำเลย การที่จำเลยบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยจึงฟันและแทงผู้ตายในขณะนั้นศาลจะลงโทษจำเลยน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้เพียงใดก็ได้ที่ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจลงโทษจำเลยมานั้น เหมาะกับพฤติการณ์แห่งคดีแล้วไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไข..."
พิพากษายืน.