โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 4, 6, 52 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 4, 9 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 282, 283 ทวิ พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 มาตรา 4, 26, 78 และริบโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 มาตรา 26 (5), 78 จำคุก 3 เดือน ข้อหาอื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีค้ามนุษย์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 6 (2) (เดิม), 52 วรรคสอง พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 9 วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 วรรคสอง และพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 มาตรา 26 (5), 78 เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษในความผิดฐานค้ามนุษย์ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 6 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 4 ปี ริบของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า นางสาว น. ผู้เสียหาย เกิดเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2544 ขณะเกิดเหตุพักอาศัยอยู่ห้องเช่ากับจำเลย โดยออกค่าเช่าคนละครึ่ง ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยพร้อมยึดเงิน 8,500 บาท ที่ใช้ล่อซื้อได้จากจำเลย
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยกระทำความผิดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หรือไม่ เห็นว่า แม้ผู้เสียหายจะเป็นฝ่ายรับการติดต่อตกลงขายบริการทางเพศจากนางสาว ม. กับชายคนหนึ่ง โดยจำเลยไม่ได้มีส่วนร่วมรับการติดต่อตกลงด้วย แต่จำเลยพูดสนับสนุนให้ผู้เสียหายไปขายบริการทางเพศ เพื่อจะได้มีเงินมาชำระค่าเช่าห้องที่พักอยู่กับจำเลย ทั้งยังร่วมเดินทางไปโรงแรมร่วมกับผู้เสียหายในลักษณะพาไปขายบริการทางเพศ เนื่องจากผู้เสียหายอายุ 16 ปี อาจจะมีปัญหาในการเข้าโรงแรม นอกจากนี้ผู้เสียหายยังเบิกความสอดคล้องกับคำเบิกความของร้อยตำรวจเอกสุรศักดิ์ที่ว่า ร้อยตำรวจเอกสุรศักดิ์ สอบถามว่าคนไหนจะมาบริการ จำเลยแจ้งว่าผู้เสียหาย ร้อยตำรวจเอกสุรศักดิ์จึงมอบเงิน 8,500 บาท ให้จำเลยไป ซึ่งต่อมาดาบตำรวจสำราญจับกุมจำเลย ตรวจค้นพบธนบัตร 8,500 บาท ในกระเป๋าสะพายของจำเลย เมื่อนำมาตรวจดูพบว่าตรงกับสำเนาภาพถ่ายธนบัตรที่เตรียมไปทำการล่อซื้อ บ่งชี้ว่าจำเลยมีส่วนร่วมรู้เห็น ร่วมวางแผน ตัดสินใจร่วมกันหรือแบ่งหน้าที่กันทำ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี พยานจำเลยและข้ออ้างในฎีกาไม่มีน้ำหนักให้รับฟังหักล้างพยานโจทก์ได้ พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมารับฟังได้ว่า จำเลยกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ ฐานเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหาหญิงอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอม ฐานเป็นธุระจัดหาบุคคลอายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเพื่อให้กระทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอม และฐานกระทำการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากเด็ก ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น