โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 289ริบของกลาง
ระหว่างพิจารณา นายสมปอง เอียดแก้ว บิดาของผู้ตายขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 จำคุก 18 ปี ริบไม้ของกลางข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคแรก จำคุก 10 ปี จำเลยเข้ามอบตัวและรับว่าตีผู้ตายเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้หนึ่งในสี่ จำคุก 7 ปี6 เดือน ไม้ของกลางมิใช่ทรัพย์ของจำเลยที่นำมาใช้กระทำผิดแต่เป็นทรัพย์ของนายวินัยเจ้าของบ้านซึ่งมิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดของจำเลย จึงไม่ริบ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "จำเลยใช้ไม้ของกลางหน้ากว้าง 4 นิ้วหนา 2 นิ้ว ยาว 2 ฟุต 8 นิ้ว ซึ่งเป็นไม้ขนาดใหญ่ และตามภาพถ่ายหมาย ล.1 ลักษณะเป็นไม้เนื้อแข็งใช้สำหรับทำวงกบประตูหรือหน้าต่างตีที่ศีรษะผู้ตายในขณะที่ผู้ตายนั่งอยู่ไม่ได้ระวังตัว เป็นการเลือกตีตามใจชอบ และเลือกตีที่สำคัญ แม้จะตีเพียงทีเดียว และกะโหลกศีรษะผู้เสียไม่แตกร้าวก็ตาม แต่ปรากฏว่าเมื่อถูกตีแล้วผู้ตายก็ฟุบลงกับโต๊ะทันที และมีเลือดคั่งในสมองส่วนลึกของผู้ตายแสดงว่าจำเลยตีผู้ตายอย่างแรง และปรากฏว่าผู้ตายถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา พฤติการณ์เช่นนั้น จำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าอาจทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้ ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้อื่นตาย ที่วินิจฉัยว่า จำเลยมีเจตนาเพียงทำร้ายไม่ได้มีเจตนาฆ่าผู้อื่นตายนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ปัญหานี้ฟังขึ้น ส่วนไม้ของกลาง โจทก์ไม่ได้โต้แย้งว่าเจ้าของแท้จริงรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิด จึงไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ในส่วนที่พิพากษาว่าไม่ริบไม้ของกลาง"
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเว้นแต่ไม้ของกลางไม่ริบ.