โจทก์ฟ้องขอให้ลงจำเลยโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคแรก จำคุก 6 เดือน ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 4 เดือน ข้อหาลักทรัพย์ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้แย้งกันในชั้นนี้รับฟังเป็นยุติว่า โจทก์จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลชื่อบริษัท ม. ได้มอบอำนาจให้นายสมบัติ ดำเนินคดีแทน จำเลยเป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทบี เอส พี รีเรชั่นชิป จำกัด ก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้ โจทก์และบริษัทบี เอส พี รีเรชั่นชิป จำกัด มีข้อพิพาทกันเกี่ยวด้วยการบอกเลิกการเช่าที่ดินอันเป็นท่าเรือของโจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องขับไล่บริษัทบี เอส พี รีเรชั่นชิป จำกัด ซึ่งเป็นผู้เช่า พร้อมทั้งเรียกค่าเสียหายหรือค่าขาดประโยชน์จากบริษัทดังกล่าว โจทก์เป็นฝ่ายชนะคดีทั้งในศาลชั้นต้นและศาลชั้นอุทธรณ์ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ พ.505/2559 ของศาลจังหวัดสมุทรปราการ ระหว่างบริษัท ม. โจทก์ บริษัทบี เอส พี รีเรชั่นชิป จำกัด จำเลย ทรัพย์พิพาทในคดีนี้ คือ ล้อเลื่อน และรางเลื่อนสำหรับใช้ลากเรือขึ้นและลงเพื่อทำการซ่อม มีราคา 300,000 บาท เป็นทรัพย์หนึ่งในหลายรายการของบริษัทบี เอส พี รีเรชั่นชิป จำกัด ที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดในพื้นที่เช่าพิพาทเพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษาในคดีแพ่ง โดยไม่ได้ขนย้ายทรัพย์ออกไปจากสถานที่ยึด จำเลยในฐานะกรรมการบริษัทดังกล่าวถูกออกหมายจับในชั้นบังคับคดีขับไล่ ต่อมาวันที่ 25 มกราคม 2560 ซึ่งเป็นวันนัดพร้อมในชั้นบังคับคดีแพ่ง บริษัทบี เอส พี รีเรชั่นชิป จำกัด และจำเลยตกลงที่จะนำทรัพย์ที่เจ้าพนักงานคดียึดไว้รวมทั้งทรัพย์พิพาทในคดีนี้ตีใช้หนี้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาในคดีแพ่งของศาลจังหวัดสมุทรปราการ ขณะเดียวกันบริษัทดังกล่าวยังคงใช้สิทธิฎีกาต่อไป จากนั้นวันที่ 8 พฤษภาคม 2560 โจทก์ขอถอนการยึดทรัพย์ทั้งหมด โดยบริษัทบี เอส พี รีเรชั่นชิป จำกัด ยินยอมชำระค่าธรรมเนียมในการถอนการยึด จำเลยในฐานะกรรมการบริษัทดังกล่าวขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากพื้นที่เช่า โดยจำเลยขนย้ายทรัพย์พิพาทด้วย
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า นายสมบัติผู้รับมอบอำนาจโจทก์เบิกความว่า ทรัพย์พิพาทที่จำเลยลักไปนั้นโจทก์ได้มาโดยบริษัทบี เอส พี รีเรชั่นชิป จำกัด และจำเลยซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทดังกล่าวนำทรัพย์พิพาทซึ่งโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้มาตีใช้หนี้ให้แก่โจทก์เมื่อปลายเดือนมกราคม 2560 ต่อมาระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 ในคดีนี้ จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นส่งสำเนาคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7989/2561 ตามที่จำเลยแนบมาท้ายคำร้องขอต่อศาลอุทธรณ์ภาค 1 เพื่อให้ทราบผลของคำพิพากษาศาลฎีกาที่ตัดสินยกฟ้องโจทก์ในคดีแพ่งของศาลจังหวัดสมุทรปราการ เป็นเหตุให้ข้อตกลงในการชำระหนี้ในคดีดังกล่าวตกเป็นโมฆะ โจทก์ไม่อาจกล่าวอ้างได้ว่าทรัพย์ที่จำเลยตกลงตีใช้หนี้แก่โจทก์ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ส่งผลให้จำเลยมิได้เป็นผู้กระทำความผิดตามฟ้องโจทก์คดีนี้ ขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกฟ้อง ศาลชั้นต้นส่งคำร้องขอดังกล่าวของจำเลยต่อศาลอุทธรณ์ภาค 1 โดยมิได้ดำเนินการส่งสำเนาคำร้องขอดังกล่าวให้แก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งรวม โดยมิได้วินิจฉัยเหตุในคำร้องดังกล่าวแต่อย่างใด จำเลยยังคงฎีกาในประเด็นนี้โดยแนบคำพิพากษาศาลฎีกามาท้ายฎีกา และนำส่งสำเนาพร้อมสำเนาคำพิพากษาศาลฎีกาให้โจทก์ ซึ่งโจทก์ได้รับสำเนาแล้วไม่แก้ฎีกา เท่ากับยอมรับข้อเท็จจริงว่ามีคำพิพากษาศาลฎีกาซึ่งพิพากษายกฟ้องโจทก์ในคดีแพ่งดังกล่าว ทั้งนี้ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7989/2561 ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สัญญาเช่าระหว่างโจทก์และบริษัทบี เอส พี รีเรชั่นชิป จำกัด ยังไม่เลิกกัน โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายและค่าขาดประโยชน์จากบริษัทบี เอส พี รีเรชั่นชิป จำกัด และพิพากษาแก้ ให้ยกฟ้องโจทก์ บริษัทบี เอส พี รีเรชั่นชิป จำกัด ไม่มีหนี้ตามคำพิพากษาของศาลล่างในคดีแพ่งดังกล่าวที่ต้องชำระแก่โจทก์ โจทก์จึงไม่มีสิทธิบังคับคดีทั้งขับไล่และบังคับชำระหนี้บริษัทบี เอส พี รีเรชั่นชิป จำกัด การที่บริษัทดังกล่าวและจำเลยนำทรัพย์พิพาทมาตีใช้หนี้แก่โจทก์ก็เป็นผลสืบเนื่องจากโจทก์บังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 ซึ่งถูกแก้โดยคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าวแล้ว สิทธิของโจทก์เหนือทรัพย์พิพาทที่นำมาตีใช้หนี้จึงเป็นอันสิ้นผลไปด้วย ดังนั้น การที่จำเลยเอาทรัพย์พิพาทไปจึงไม่เป็นความผิดฐานยักยอกหรือลักทรัพย์ตามฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานยักยอกนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์