โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองสมคบกับพลตำรวจสนิทและนายแช่มปล้นเอาเงินของนายปั๋นนายบุญมีนายด้วงไป ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 301 ฯลฯ และให้ใช้เงิน
จำเลยทั้งสองปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยกับพวกมีเจตนาไปจับผู้เล่นการพนัน ไม่พอจะเชื่อว่ามีเจตนาลักหรือชิงทรัพย์การที่เอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปเป็นผลเกิดขึ้นภายหลัง ไม่พอจะวินิจฉัยว่าเป็นการปล้นทรัพย์ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยทั้งสองได้สมคบกับพลตำรวจสนิท และนายแช่มใช้ไม้ตะบองขู่จะทำร้ายและค้นเอาเงินจากกระเป๋าของผู้เสียหายไปโดยแสดงให้เห็นว่ามุ่งจะเอาแต่เงินของผู้เสียหายหาใช่จะจับกุมผู้เล่นการพนันอย่างเป็นเจ้าพนักงานไม่เป็นการกระทำอย่างโจร หาใช่เป็นผลเกิดขึ้นในตอนหลังอย่างศาลชั้นต้นวินิจฉัยไม่พิพากษาให้จำคุกจำเลยคนละ 10 ปีตาม มาตรา 301 ฯลฯ
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยกับพวกใช้ไม้ตะบองข่มขู่จะทำร้ายและค้นเอาเงินจากผู้เสียหาย เมื่อค้นได้แล้วกลับบอกให้ผู้เสียหายหนีไป แล้วจำเลยสั่งไม่ให้พูดไป ถ้าพูดไปจะเอาตายเลย เป็นการจงใจมาขู่เข็ญบังคับเอาเงินจากผู้เสียหายโดยฉวยโอกาสในขณะที่ผู้เสียหายกำลังเล่นการพนันเมื่อค้นได้เงินแล้วก็หาได้จับกุมฐานเล่นการพนันไม่ดังนี้ เป็นการสมคบกันมากระทำการโจรกรรม ให้ยกฎีกา พิพากษายืน