คดีนี้ เจ้าหนี้รายที่ 5 ยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อ้างว่าลูกหนี้เป็นหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงิน 1 ฉบับ จำนวนเงิน 40,000 บาท กับได้จ่ายเงินสำรองให้แก่ลูกค้าของลูกหนี้ไป 140,000 บาท รวมเป็นเงิน 180,000 บาทโจทก์ยื่นคำร้องคัดค้านว่าหนี้กู้ยืม 40,000 บาท สมคบกันทำขึ้นเพื่อฉ้อฉลโจทก์และไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ หนี้ที่จ่ายเงินสำรองให้ลูกค้าไป 140,000 บาทเป็นการจัดการงานนอกสั่ง เจ้าหนี้ไม่มีหน้าที่ต้องทำเช่นนั้น และอ้างขึ้นมาลอย ๆโดยไม่มีหลักฐานสนับสนุน หรือหากมีก็รับฟังไม่ได้เพราะทำขึ้นโดยกลฉ้อฉลเจ้าหนี้ไม่มีฐานะทางการเงินพอที่จะจ่ายสำรองแทนลูกหนี้ได้ดังที่อ้าง และสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ทั้ง 2 รายการขาดอายุความ
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้ว ทำความเห็นเสนอศาลชั้นต้นว่าควรให้นางกิตติมาเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้เฉพาะหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงิน 40,000 บาท กับหนี้ซึ่งเป็นเงินเดือนของเจ้าหนี้ที่ลูกหนี้ยังไม่ได้จ่ายให้ 6 เดือน เป็นเงิน 30,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 70,000 บาทตามมาตรา 130(8) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ส่วนที่ขอเกินมา110,000 บาท ซึ่งเป็นค่าเช่าตึกแถวของเจ้าหนี้ที่ลูกหนี้เช่าใช้เป็นสำนักงานกับเป็นเงินที่เจ้าหนี้ได้ทดรองจ่ายคืนให้แก่ลูกค้าของลูกหนี้ไปนั้น ลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดเห็นควรให้ยกเสีย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้นางกิตติมาเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ 70,000 บาทส่วนที่ขอเกินมา 110,000 บาทให้ยก ตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
นางกิตติมาเจ้าหนี้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
นางกิตติมาเจ้าหนี้ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ตามฎีกาของเจ้าหนี้ เรื่องเงินค่าเช่าตึกแถว เจ้าหนี้ฎีกาว่าแม้จะไม่ได้ทำสัญญาเช่ากัน แต่ก็ได้มีการเช่ากันจริง จึงอาจพิจารณาให้เป็นค่าตอบแทนหรือค่าเสียหายก็ย่อมได้ ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่าค่าตอบแทนที่กล่าวถึงนี้ ความประสงค์ของเจ้าหนี้ก็คงหมายถึงค่าเช่าตึกแถวนั่นเองการเช่าตึกแถวเป็นการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เมื่อไม่ได้ทำสัญญาเช่ากันไว้เป็นหนังสือและตามทางสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ไม่ปรากฏว่ามีหลักฐานการเช่าเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อของลูกหนี้ผู้เช่าอันจะเป็นเหตุให้เจ้าหนี้ฟ้องร้องบังคับคดีได้ตามนัยมาตรา 538 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เจ้าหนี้จึงไม่อาจจะบังคับเอาค่าเช่าจากลูกหนี้ได้ และจะบังคับเอาค่าเสียหายก็ไม่ได้เพราะลูกหนี้มิได้เข้าไปอยู่หรือใช้ประโยชน์ในตึกแถวของเจ้าหนี้โดยการทำละเมิดต่อเจ้าหนี้ จึงไม่จำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่เจ้าหนี้
พิพากษายืน